เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน คือภาวะที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสสูงในเลือด ซึ่งเป็นผลจากความบกพร่องในการหลั่ง Insulin จากตับอ่อน หรือ การออกฤทธิ์ของ Insulin ผิดปกติ หรือทั้ง 2 อย่างร่วมกัน เป็นโรคที่พบบ่อย 10.2% ของประชากรอายุ >35 ปี

 

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน

นพ.พงษ์สันติ์ ลี้สัมพันธ์

อายุรแพทย์โรคเบาหวาน ต่อมไร่ท่อ และเมแทบอลิซึม

          โรคเบาหวาน คือภาวะที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสสูงในเลือด ซึ่งเป็นผลจากความบกพร่องในการหลั่ง Insulin จากตับอ่อน หรือ การออกฤทธิ์ของ Insulin ผิดปกติ หรือทั้ง 2 อย่างร่วมกัน เป็นโรคที่พบบ่อย 10.2% ของประชากรอายุ >35 ปี

อาการของโรคเบาหวาน

          ดื่มน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย หิวบ่อย ตัวมัว เพลีย น้ำหนักตัวลดลงดดยอธิบายไม่ได้ด้วยเหตุอื่น

          ข้อบ่งชี้ในการตรวจหาโรคเบาหวานในบุคคลที่ไม่ทราบว่าเป็นโรคเบาหวานมาก่อนและไม่มีอาการผิดปกติ และไม่มีปัจจัยเสี่ยงใดๆ

1. อายุ _> 45 ปีถ้าหากผลตรวจปกติ ควรตรวจซ้ำทุก3ปี

2. ผู้ที่ควรได้รับการตรวจก่อนอายุ 45 ปี หรือต้องมีการตรวจซ้ำเป็นระยะถี่ขึ้น ได้แก่ผู้ที่มีปัจจัยดังต่อไปนี้

-          ดัชมีมวลกาย_> 25 (คำนวณจาก(น้ำหนัก(kg) / ส่วนสูง (เมตร))

-          ประวัติโรคเบาหวานในญาติ เช่น มี พ่อ แม่ พี่ น้องเป็นเบาหวาน

-          ประวัติคลอดบุตรน้ำหนัก มากว่า 4 กิโลกรัม หรือประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์

-          ความดันโลหิตสูง มากกว่า 140/90mmHh                

-          ไขมันในเลือดผิดปกติ HDL<35 mg/dl, Triglyceride _> 250mg/dl

-          เคยพบน้ำตาลหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง_>100 mg/dl

-          ออกกำลังกายน้อย

-          มีโรคของหลอดเลือด

-          เป้นโรคถุงน้ำรังไข่ (Pilycystic Ovarian Syndrome)

การวินิจฉัย

1. งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มี แคลอรี่ เป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ลัวเจาะระดับน้ำตาลในเลือดได้ _>126mg/dl 2ครั้ง ต่างวันกัน

2. มีอาการของโรคเบาหวาน ร่วมกับ ผลน้ำตาลในเลือดเวลาใดก็ได้ของวัน ดดยไม่คำนึงถึงเวลาที่รับประทานอาหารมื้อสุดท้าย ได้ _>200mg/dl

HbA คือ ค่าเฉลี่ยของน้ำตาลในเลือด ในระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป้าหมายในการรักษา คือ ควบคุมให้ระดับ HbA1c _< 6.5 หรือ7(แล้วแต่ประเภทของผู้ป่วย) ค่านี้มีประโยชน์เนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ควบคุมอาหารอย่างดีเพียง 1-2 วัน ก่อนวันพบแพทย์ ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลที่ตรวจพบดี แต่ความเป็นจริงคือ 2-3 เดือนที่ผ่านมา มิได้ควบคุมตนเอง ซึ่งค่าHbA จะสูง ฟ้องให้เห็นทำให้แพทย์สามารถเห็นค่าน้ำตาลที่แท้จริงได้และหากค่า HbA ยิ่งสูงจะเพิ่มอัตราเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน

ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง (หรืออันตรายภัยเงียบจากเบาหวาน)

1. หลอดเลือดหัวใจ ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย

2. หลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดภาวะอัมพาต อัมพฤกษ์

3. หลอดเลือดส่วนปลายที่ขา ทำให้เลือดไปเลี้ยงขาไม่เพียงพอ มีอาการปวดน่องเวลาเดิน และอาจทำให้เกิดแผลที่เท้าเนื่องจากการขาดเลือดไปเลี้ยง

4. จอประสาทตา ผู้ป่วยได้รับการตรวจจอประสาทตาโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และหากพบความผิดปกติ สามารถรักษาได้โดยการ Laser เพื่อป้องกันระดับสายตาเสื่อมลงและตาบอด

5. ไต ขั้นแรกจะตรวจพบ ไข่ขาว รั่วออกมาในปัสสาวะ และหากไม่ระวังดูแลให้ดีอาจทำให้เกิดภาวะไตวายในอนาคตได้

6. เส้นประสาท อาการที่พบบ่อยคือ มีอาการชาหรือปวดแสบปวดร้อน หรือปวดรุนแรงหรือรู้สึกชาแบบเหน็บชา หรือเหมือนถูกเข็มแทง โดยมักมีอาการที่ปลายเท้า และปลายมือก่อน

หากไม่อยากให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานดังกล่าว ควรควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี ตั้งแต่แรกวินิจฉัย รวมทั้งตรวจหาและรักษาปัจจัยเสี่ยงที่พบร่วมอันได้แก่ ความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 30-60 นาที ต่อครั้ง 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์

การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน                  

1.      ควบคุมอาหาร โดยลด ข้าว แป้ง น้ำตาล และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลโดยเฉพาะ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ และนมเปรี้ยว

2.      ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 30-60 นาทีต่อครั้ง 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์

3.      งดสูบบุหรี่

4.      รับประทานยาหรือฉีดยาตามแพทย์แนะนำ

5.      รักษาปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่พบร่วม ได้แก่ ความดัน โลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง

6.      หากมีอาการผิดปกติ เช่นอาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์เนื่องจากระดับน้ำตาลจะแกว่งสูงหรือต่ำได้มาก

<