โรคท้องเสีย

โรคท้องเสีย

     ท้องเสีย การที่ร่างกายมีการถ่ายอุจจาระมากกว่า 3 ครั้ง/วัน ลักษณะอุจจาระผิดปกติ มีปริมาณน้ำมากหรือบางครั้งถ่ายเป็นมูกหรือมีเลือดปน ดังนั้นอาการที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดเมื่อเกิดอาการท้องเสียคือ การที่ร่างกายเกิดสภาวะขาดน้ำและเกลือแร่

  • สาเหตุมี 3 ประเภท

  1. อาการท้องเสียเนื่องจากรับสารพิษจากเชื้อ

  2. อาการท้องเสียเนื่องจากการติดเชื้อ

  3. ท้องเสียซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อหรือสารพิษจากเชื้อ เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิด, แพ้อาหาร

  • อาการท้องเสีย
    ทั้ง 3 ประเภทนี้จะมีลักษณะอาการ วิธีการรักษา และปฏิบัติตนที่แตกต่างกันซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรจะทราบเนื่องจากว่าถ้าปฏิบัติตนไม่ถูกต้องแล้วอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้าเป็นการท้องเสียจากการได้รับสารพิษจากเชื้อ อาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารพิษที่มาจากเชื้อโรคเข้าไป ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้อาเจียนถ่ายเหลวหลังจากรับประทานอาหาร ประมาณ 2-4 ชั่วโมง เรียกว่า ทานเข้าไปไม่นานก็เริ่มมีอาการแล้ว

  • ชนิดของถ่ายเหลว
    - ท้องเสีย เนื่องจากร่างกายขาดน้ำย่อยบางชนิด ดังเช่น ในคนเอเชียจำนวนไม่น้อย ที่เกิดมาขาดสารเอนไซม์ที่จะต้องใช้ย่อยน้ำตาลในนมวัว รับประทานนมวัวที่ไรก็ท้องเสียทุกที หรือเด็กที่หายจากอาการท้องเสียใหม่ๆ ร่างกายยังไม่ฟื้นพอที่จะสร้างเอนไซม์ตัวนี้ เด็กก็จะท้องเสียเมื่อรับประทานนมวัวเข้าไป ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนรับประทานได้
    - ท้องเสียบางครั้งเกิดมาจากลำไส้อักเสบ เพราะเกิดจากการได้รับสารพิษ เช่น สารบอแรกซ์
    - กลุ่มที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อาหารเป็นพิษ เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน อย่างเฉียบพลันและมักรุนแรง มักเกิดภายหลังรับประทานอาหารได้สัก 1-2 ชั่วโมง

  • อันตรายจากการท้องเสีย
    อันตรายจากการท้องเสียที่สำคัญที่สุด คือ การที่ร่างกายเสียสารน้ำและเกลือแร่ ซึ่งมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน กรณีสูญเสียน้ำและเกลือแร่อยู่ในขั้นรุนแรงจะเป็นอันตรายมาก ถ้าได้รับการแก้ไขไม่ทันท่วงที

  • การรักษา

  1. ตามอาการ
    เมื่อมีอาการใน 4-6 ชั่วโมงแรก อาจซื้อผงเกลือแร่สำเร็จรูปจากร้านขายยามาลองรับประทานดูก่อน หรืออาจเตรียมเองที่บ้านได้โดยใช้น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือแร่ ½ ชิ้นชา เติมน้ำสะอาด 1 ขวดกลมปริมาณ 750 ซีซี การรักษาที่สำคัญและจำเป็นที่สุดคือการได้รับน้ำ และเกลือแร่ทดแทน ในช่วงที่มีอาการท้องเสียควรรับประทานอาหารอ่อนหรืออาหารเหลว เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ไม่ควรงดรับประทานอาหารเพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ถ้าเป็นไม่มากหลังดื่มน้ำเกลือแร่แล้วผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น แต่ถ้าดื่นน้ำเกลือแร่ไม่ได้ ยังคงอาเจียนมีไข้สูง วิงเวียน เพลีย ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะผู้ป่วยอาจเกิดภาวะช็อคและเสียชีวิตได้ วิธีดูง่ายๆ คือดูจากปริมาณและสีของปัสสาวะ ถ้าปัสสาวะสีเข้มมากแสดงว่ายังดื่มน้ำไม่พอ ถ้าลักษณะสีเหลือจางๆ หรือเกือบไม่มีสีและปัสสาวะทุก 3-5 ชม. แสดงว่าดื่มน้ำได้เพียงพอหลังถ่ายเหลว 2-3 วัน บางรายจะมีอาการท้องอืดๆ ได้

  2. การใช้ยา
    ยาที่ช่วยให้หยุดถ่ายหรือมักจะเรียกว่ายาแก้ท้องเสีย เช่น Dphenoxylate, Loperamide สามารถใช้ได้เฉพาะผู้ที่ท้องเสียธรรมดาเท่านั้น ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่สงสัยว่าเกิดอาการท้องเสียเนื่องจากติดเชื้อ หรือได้รับสารพิษจากเชื้อ เนื่องจากยาที่ทำให้หยุดถ่ายจะทำให้ลำไส้บีบตัวได้น้อยลงทำให้ความถี่ของการถ่ายลดลง และผู้ป่วยอาจคิดว่าอาการดีขึ้น แต่ความจริงแล้วเชื้อหรือสารพิษจากเชื้อจะอยู่ในร่างกายได้นานขึ้น ทำให้หายจากการท้องเสียได้ช้าลง หากสงสัยว่าท้องเสียแบบติดเชื้อหรือได้รับสารพิษจากเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อจะได้รับยาฆ่าเชื้อหรือยาดูดซับสารพิษที่เหมาะสม

  3. การป้องกัน
    ล้างมือให้สะอาดการปรุงอาหาร และล้างมือทุกครั้งหลังจากเข้าหรือออกจากห้องน้ำ ดื่มน้ำสะอาด รับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุกใหม่ๆ เมื่อเกิดท้องเสียให้ดื่มน้ำอุ่นรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายและพักผ่อนให้เพียงพอ ห้ามดื่มนมที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโรค ดูแลสิ่งแวดล้อมบริเวณบ้านไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงวัน

<