ตาแห้ง

อาการตาแห้ง (Dry Eye)

โรคตายอดฮิตที่คุณอาจเป็นอยู่โดยไม่รู้ตัว

สังคมปัจจุบัน คนทั่วไปใช้สายตาดูหน้าจอดิจิตอลทั้งวัน ร่วมกับอากาศที่ร้อน รังสีต่างๆจากแสงแดดรุนแรงขึ้น รวมทั้งมีมลภาวะจากฝุ่นpm2.5  ทำให้ปัจจุบันมีคนที่มีอาการตาแห้งเยอะมากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน

อาการตาแห้งคืออะไร มีอาการเป็นอย่างไร สามารถรักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง มาศึกษากันค่ะ

 

ตาแห้งคืออะไร

ตาแห้ง (Dry eye disease) คือ การที่มีน้ำตาหล่อเลี้ยงดวงตาของเราไม่เพียงพอ

สาเหตุหลักมาจาก

1. น้ำตาสร้างน้อยลง เช่น อายุที่มากขึ้น เพศหญิง การมีโรคประจำตัวบางชนิด การใช้ยาบางประเภท สาเหตุเหล่านี้ส่งผลให้การผลิตน้ำตาลดลง

2. มีการระเหยของน้ำตาง่าย เกิดจากมีการอุดตันของต่อมไขมันที่เปลือกตา  ซึ่งปกติเปลือกตาจะมีต่อมไขมันเรียงตัวอยู่ โดยต่อมไขมันนี้จะมีหน้าที่ผลิตน้ำมันออกมาหล่อเลี้ยงดวงตา มีหน้าที่เคลือบน้ำตาชั้นบนสุดทำให้น้ำตาไม่ระเหยง่ายและมีความคงตัว เกิดความชุ่มชื้น ซึ่งน้ำมันจะปล่อยออกมาที่รูเปิดบริเวณขอบเปลือกตา ทั้งเปลือกตาบนและล่าง หากต่อมไขมันนี้เกิดอุดตันเรื้อรังหรือเสื่อมสภาพ จะทำให้น้ำตาขาดความคงตัว ระเหยง่ายเกิดภาวะตาแห้ง และยังทำให้เกิดการติดเชื้อกลายเป็นเปลือกตาอักเสบ (ตากุ้งยิง)ได้ง่ายอีกด้วย

 

ตาแห้งมีปัจจัยกระตุ้นจากหลายสาเหตุ ดังนี้

* การสร้างน้ำตาลดลงเมื่ออายุมากขึ้น

* ความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในเพศหญิง ทำให้คุณภาพของน้ำตาลดลง และสร้างน้อยลง

* ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน

* ภูมิแพ้ขึ้นตา เยื่อบุตาอักเสบเรื้อรัง

* การใช้หน้าจอเป็นระยะเวลานาน

* อยู่ในบริเวณที่มีอากาศแห้งและลมแรง

* กระพริบตาน้อยลง เนื่องจากเพ่งสายตาเยอะ เช่น เวลาเล่นมือถือ

* พักผ่อนไม่เพียงพอ

* ทำความสะอาดเครื่องสำอางค์ไม่สะอาดทำให้มีการอุดตันของต่อมไขมันที่เปลือกตา

* ทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ 

* โรคประจำตัวบางอย่าง เช่น ไทรอยด์ โรคภูมิแพ้ตัวเอง

* การใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาสิว กลุ่ม isotretinoin ,ยาคุมกำเนิด , ยาแก้แพ้ เป็นต้น

* เป็นจากการผ่าตัดตา การทำเลเซอร์กระจกตา

* ต่อมไขมันอุดตันที่เปลือกตา

 

อาการของตาแห้ง

ตาแห้ง จะมีอาการหลายรูปแบบ ดังนี้

* แสบตา เคืองตา

* ตามัว เห็นภาพเบลอเป็นพักๆ

* แพ้แสง ตาสู้แสงไม่ได้

* คันตา ขยี้ตาบ่อย

* ตาแดง เป็นๆหายๆ

* น้ำตาไหล ซึ่งน้ำตาที่ไหลเกิดจากการระคายเคือง ไม่ใช่น้ำตาที่หล่อเลี้ยงดวงตา

* รู้สึกเหมือนมีเม็ดทรายอยู่ในตา

* ปวดตา เมื่อยล้าดวงตา ปวดกระบอกตา อาจปวดศีรษะร่วมด้วย

* มีขี้ตาเยอะตอนตื่นเช้า ลืมตาไม่ค่อยขึ้น

* กระจกตาเกิดแผลและติดเชื้อตามมาได้

 

วิธีการดูแลเรื่องตาแห้ง

* ใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เพื่อหล่อเลี้ยงดวงตาเป็นประจำ

* กะพริบตาบ่อยๆซึ่งแต่ละครั้งที่กระพริบตาจะมีการบีบของต่อมน้ำตาทำให้มีน้ำตามาหล่อเลี้ยงตาเรามากขึ้น

* เมื่อใช้สายตานานๆ ให้พักสายตาเป็นระยะทุกๆ 20 นาที ด้วยการหลับตา 20 วินาที

* สวมแว่นกันแดด หรือกันลมเป็นประจำเมื่อออกนอกบ้าน

* หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด เลี่ยงลมหรือแอร์เป่าหน้าโดยตรง รวมถึงฝุ่นและควัน

* ใช้หน้าจอเท่าที่จำเป็น

* ประคบอุ่น เพื่อให้ไขมันที่เปลือกตาอุดตันน้อยลง และตามด้วยการฟอกตาเพื่อขจัดคราบไขมันที่อุดตันรูเปิดของท่อไขมันออก ทำให้มีน้ำมันมาหล่อเลี้ยงดวงตามากขึ้น น้ำตาจะมีความคงตัว ไม่ระเหยง่าย

* เมื่อมีอาการรุนแรงควรปรึกษาจักษุแพทย์  โดนการรักษา มีทั้งการใช้ยาหยอด ยากิน การอุดท่อน้ำตา การทำ eye spa และ เลเซอร์ IPL ขึ้นกับความรุนแรงของโรค

 

บทสรุป

ตาแห้ง เป็นโรคที่พบได้บ่อยมาก และสร้างความกวนใจในการใช้ชีวิตประจำ หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น แนะนำเข้ามาปรึกษากับจักษุแพทย์ เพื่อหาสาเหตุ และทำการรักษา เพื่อไม่ให้โรคเป็นลุกลามมากขึ้น จนเกิดอันตรายกับดวงตา ทำให้มีดวงตาที่สดใส ใช้สายตาได้อีกยาวนาน ไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเรา

<