ความสำคัญของการ warm up ของฝากนักกอล์ฟวัยกระเตาะ

ความสำคัญของการ warm up ของฝากนักกอล์ฟวัยกระเตาะ “วอร์มอัพ”         ก่อนดวลวงสะวิง !!เด็ก ๆ รู้ไหม เวลาที่เล่นกีฬา ถ้าไม่วอร์มอัพ (อบอุ่นร่างกาย) ก่อนเล่น อาจทำให้บาดเจ็บขณะที่เล่นกีฬาได้ ดังนั้นก่อนเล่นกีฬาทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย เด็ก ๆ ควรจะอบอุ่นร่างกายก่อน อย่างกีฬา “กอล์ฟ” ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน         ดังสำนวน “กันไว้ดีกว่าแก้” พ.อ.นพ.วีระยุทธ เชาว์ปรีชา ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลวิภาวดี จึงจัดเวิร์กช็อป “กายวิภาคสำหรับนักกอล์ฟ” ให้คำแนะนำเหล่านักกอล์ฟวัยกระเตาะ ที่สนามไดรฟ์กอล์ฟนอร์ธปาร์ค ประชาชื่น         พ.อ.นพ.วีระยุทธบอกว่า เมื่อเปรียบเทียบกระดูกกับเหล็กแล้ว กระดูกแข็งแรงกว่าเหล็ก 5 เท่า เนื่องจากกระดูกของคนที่ยังมีชีวิต ประกอบด้วยเซลล์ที่มีชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและสร้างขึ้นใหม่ตลอดเวลา แถมยังสามารถซ่อมแซมตัวเองเมื่อบาดเจ็บ การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนเพียงพอรวมถึงการออกกำลังกาย จะช่วยสร้างกระดูกให้แข็งแรงได้         “กอล์ฟเป็นกีฬาที่ใช้กระดูกทุกส่วนควรบริหารยืดเหยียดข้อและกล้ามเนื้อทุกครั้ง เนื่องจากวงสะวิงของกอล์ฟมีความเร็วสูง นักกอล์ฟฝีมือดีส่วนมากสามารถเร่งความเร็วหัวไม้ได้เร็วกว่า 100 ไมล์ต่อชั่วโมง ถ้าไม่บริหารยืดเหยียดเอ็นยึดข้อ และกล้ามเนื้อให้ได้ดีแล้วจะเกิดการบาดเจ็บได้บ่อย ในบางรายหากกระดูกหักอาจทำให้สูญเสียการทรงตัวไปตลอดชีวิต”         โอ้โห…น่ากลัวจริง ๆ ดังนั้นก่อนเล่นกอล์ฟก็ต้องอบอุ่นร่างกายก่อน         คุณหมอคนเก่งบอกว่า ควรเตรียมความพร้อมโดยการวอร์มอัพ และบริหารยืดกล้ามเนื้อก่อนการซ้อมหรือเล่นกอล์ฟทุกครั้ง ตั้งแต่การบริหารกล้ามเนื้อคอ หมุนไหล่รอบแกนกระดูกสันหลัง บริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง หลัง สะโพก เพื่อรักษาแนวแกนกระดูกสันหลังระหว่างสะวิงกอล์ฟบริหารยืดเหยียดกล้ามเนื้อต้นขาและน่อง เพื่อช่วยในการทรงตัวและถ่ายน้ำหนักที่ดีขณะตีกอล์ฟ         เพียงแค่นี้ก็เล่นกอล์ฟอย่างปลอดภัยหายห่วงแล้ว แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน http://www.matichon.co.th วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พุทธศักราช 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10865   

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

โรคตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง

โรคตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง         ไวรัสตับอักเสบซี ถูกตรวจพบครั้งแรกในปี พ.ศ.2532 ทั่วโลกมีความชุก 1.8%ของผู้บริจาคโลหิต คาดว่าประชากรในประเทศไทยมีการติดเชื้อนี้ประมาณ 6แสนถึงหนึ่งล้านคน เชื้อไวรัสตับอักเสบซีมี 6 genotypes ในประเทศไทยพบ genotype 3 ร้อยละ40-50 รองลงมาคือ genotype 1 ร้อยละ20 และ genotype 6 อีกร้อยละ15-20         เชื้อไวรัสตับอักเสบซี ติดต่อโดยการรับเลือดหรือผลิตภัณฑ์ของเลือดที่ปนเปื้อน หรือ จากเข็มฉีดยา มีดโกน อุปกรณ์ที่ใช้ในการสักหรือฝังเข็มที่ปนเปื้อนเลือดผู้ป่วย ส่วนการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยามีโอกาสน้อยมากๆ แต่จะสูงขึ้นในคนที่สำส่อนทางเพศถึง 0.4%ต่อปี โอกาสติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์พบได้ 4-7%         การดำเนินของโรคหลังได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซี พบว่า 20%ของผู้ป่วยตับอักเสบเฉียบพลันจะมีอาการดีซ่าน มากกว่าร้อยละ80จะเข้าสู่ตับอักเสบเรื้อรัง โดยมีการดำเนินโรคเป็นตับแข็ง20%ใน 20ปี และมีโอกาสเกิดมะเร็งตับ 20%ใน 5ปีหลังจากมีตับแข็งแล้ว อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้โรคดำเนินได้เร็วขึ้น ได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ เพศชาย อายุมากกว่า4ปี และการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือเอช ไอ วี ร่วมด้วย         การวินิจฉัยโรคตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง ทำได้โดยการตรวจหาภูมิคุ้มกัน Anti-HCV ซึ่งให้ความแม่นยำ92-99% จึงนิยมนำมาใช้ในการตรวจคัดกรองผู้ป่วย และสามารถตรวจยืนยันได้โดยใช้ HCV RNA เพื่อดูปริมาณไวรัสซีในเลือด ซึ่งมีประโยชน์ในการบอกโอกาสที่จะสนองตอบต่อการรักษาและดูแนวโน้มการตอบสนองในระหว่างการรักษา      การรักษาตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง มีจุดประสงค์ คือ 1. กำจัดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่บุคคลอื่น 2. ลดการอักเสบในเนื้อตับ ชลอการเกิดพังผืดเพื่อลดการเกิดตับแข็งและมะเร็งตับ 3. ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคตับ เพิ่มคุณภาพชีวิต        ปัจจุบันยาที่ใช้ในการรักษาโรคตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง คือ Pegylated Interferon และ Ribavirin ใช้เวลารักษา 6-12เดือน ตาม genotype ยาทั้งสองมีราคาแพง ปัญหาที่เกิดคือค่าใช้จ่ายที่ตามมาประกอบกับยามีผลข้างเคียงมาก จึงควรได้รับการดูแลและการเฝ้าติดตามผลข้างเคียงจากแพทย์เฉพาะทาง จากยาฉีด Interferon อันได้แก่ ไข้ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ผลต่อไธรอยด์ และ การกดไขกระดูก สำหรับ Ribavirin เป็นยารับประทานอาจก่อให้เกิดโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก อาจมีผื่นคัน ไอ เวียนศีรษะ นอกจากนี้ผู้ป่วยต้องคุมกำเนิดระหว่างรักษาจนกระทั่งหลังหยุดยารักษา 6เดือน เนื่องจาก Ribavirin มีผลต่อต่อทารกในครรภ์         แม้ว่าค่าใช่จ่ายในการดูแลรักษาโรคตับอักเสบซีชนิดเรื้อรังจะสูง แต่พบว่าการรักษาโดยใช้ Pegylated Interferon ร่วมกับ Ribavirinนั้น สามารถให้ประโยชน์ในเชิงป้องกันตับแข็ง ตับวายและมะเร็งตับ ทั้งยังให้ความคุ้มค่าในเรื่องคุณภาพชีวิตและชีวิตที่ยืนยาว และคุ้มกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการฟอกโลหิตในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง การผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ และการรักษาความดันโลหิตสูงในระยะยาวอีกด้วย  

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

The Fitness Guru

The Fitness Guru The fitness Guru นพ.สมบูรณ์ รุ่งพรชัย American Board Antiaging Medicine      - อยากทราบความแตกต่างระหว่างโปรตีนเวย์ เชคกับเคซีน      - อยากทราบว่ามีอาหารชนิดใดบ้างที่ให้คุณค่าทางโปรตีนสูง หาทานได้ง่าย   โดยไม่ต้องพึ่งของสำเร็จรูป แต่ให้คุณค่าพอ ๆ กัน และอาหารที่ช่วยเพิ่มน้ำหนัก เพราะผมเป็นคนกินน้อย อยากน้ำหนักเพิ่มสัก 10 กิโลกรัม เป็นไปได้ไหมครับ หรือมีวิธีการใดบ้างที่จะได้ผล ผมออกกำลังกายแล้วน้ำหนักก็ยังปกติ ทานโปรตีนแล้วก็ไม่เห็นผลเลยครับขอวิธีที่ชัดเจนที่สุดครับ      - Ami Silpa  ทุกท่านที่ออกกำลังกายโดยใช้บริการฟิตเนส คงเคยได้ยินเรื่องโปรตีนเสริมสำหรับคนออกกำลังกาย เพื่อนที่แนะนำมักบอกว่า ให้กินเพื่อให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น เร็วขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลา หรือเหนื่อยกับการยกเวตมาก ๆ ข้อคิดเห็นนี้ฟังดูมีเหตุผลนะครับ เพราะกล้ามเนื้อมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบหลัก ดังนั้นหากกินโปรตีนเสริมก็น่าจะทำให้กล้ามเนื้อเราเติบโตได้รวดเร็วยิ่งขึ้นแต่ก็มีข้อแย้งครับ เพราะถ้าคุณกินอาหารที่มีโปรตีนเพียงพอแล้วการเสริมโปรตีนเข้าไปอีกคงไม่เกิดประโยชน์นอกจากเหตุผลทางใจ แต่ที่น่าคิดก็คือ มันจะเป็นภาระให้กับตับและไตของเราในการขจัดโปรตีนส่วนเกินที่อัดกันเข้าไปด้วยนะครับ      แต่ข่าวดีก็คือ อาหารไทยส่วนใหญ่จะมีโปรตีนไม่มาก เนื่องจากบ้านเราเน้นคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก จึงทำให้คนไทยปัจจุบันอ้วนแป้ง อ้วนน้ำตาล ทีนี้ถ้าคุณอยากจะลองเสริมโปรตีนร่วมกับการออกกำลังกายด้วย เพราะรู้สึกว่าเล่นมานาน ยังไม่เห็นพัฒนาการของกล้ามเนื้อ และน้ำหนักที่ไม่เห็นเปลี่ยนแปลงสักที ปัญหาน่าปวดหัวที่ตามมาก็คือ แล้วโปรตีนตั้งสิบกว่าชนิดที่วางขายในร้าน จะมีหลักการเลือกอย่างไร ใน MH ฉบับเดือนพฤศจิกายนผมได้แนะนำโปรตีนเวย์ไปแล้ว ครั้งนี้เรามารู้จักโปรตีนเสริมอีกชนิดกันดีกว่า      ในแวดวงนักกีฬา มีโปรตีนเสริมหลัก ๆ 2 ชนิดด้วยกันคือ เคซีน (Casein) และ เวย์ (Whey) โปรตีนทั้งสองชนิดส่วนใหญ่ผลิตมาจากนม ต่างกันตรงที่กรรมวิธีและวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ ถ้ามีใครมาบอกคุณว่าชนิดไหนดีกว่า แสดงว่าคนที่แนะนำคุณยังมีความเข้าใจผิด โปรตีนเวย์จัดเป็นโปรตีนเสริมชนิดดูดซึมเร็ว คือประมาณ 20-40 นาที โปรตีนส่วนใหญ่จะดูดซึมเข้าร่างกายเกือบหมดแล้ว ในทางตรงกันข้าม เคซีนจัดเป็นโปรตีนดูดซึมช้าซึ่งต้องใช้เวลาในการดูดซึม 3-4 ชั่วโมง และมีระดับสูงอยู่ในเลือดเรานานกว่า พูดง่าย ๆ ก็คือ โปรตีนเวย์จะเน้นให้ร่างกายนำไปสร้างกล้ามเนื้อ แต่เคซีนจะเน้นป้องกันการสลายกล้ามเนื้อเพื่อมาใช้เป็นพลังงาน ห้ามน้ำโปรตีนทั้งสองชนิดมาทานร่วมกัน เพราะจะทำให้การดูดซึมเสียไป ที่ถูกต้องคือให้ทานโปรตีนเวย์ก่อน หากจะทานเคซีนควรรับประทานห่างออกไปอย่างน้อย 3 ชั่วโมง      สุดท้าย ผมอยากเน้นว่าการสร้างกล้ามเนื้อแม้จะใช้โปรตีนเป็นหลัก แต่ก็จำเป็นต้องมีสารอาหารอื่น วิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ๆ เสริมด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้โปรตีนเสริมเป็นอาหารหลักสำหรับคนออกกำลังกายครับเพราะคุณอาจขาดสารอาหารที่จำเป็นตัวอื่นได้ คำแนะนำที่ถูกต้องคือ คุณควรเพิ่มโปรตีนในอาหารหลักแต่ละมื้อ แต่หากยังทานได้ไม่มากหรือเตรียมไม่ทัน จึงแนะนำให้เสริมโปรตีนเวย์และเคซีนอีกทีครับ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Brown Carb VS White Carb พิชิตความอ้วนด้วยคาร์โบไฮเดรต

Brown Carb VS White Carb พิชิตความอ้วนด้วยคาร์โบไฮเดรต พิชิตความอ้วนด้วยคาร์โบไฮเดรต        สมัยก่อนเวลาคุยเรื่องลดความอ้วน คนมักชวนกันงดอาหารจำพวกไขมันต่ำจะกินของทอดแต่ละทีต้องสะเด็ดน้ำมันจนแห้งที่สุดหรือไม่ก็ซับน้ำมันด้วยกระดาษทิชชูจนแน่ใจแล้วจึงจะบรรจงหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ได้ แค่นี้ยังไม่เจ๋งเท่าเพื่อนผมที่อุตสาห์ไปหาซื้อทัพพีพิเศษที่ตักซุปโดยไม่ติดไขมันที่ลอยหน้า ลงทุนทำขนาดนี้แล้วอย่านึกว่าเพื่อน ๆ ของผมจะขจัดพุงได้ดั่งใจนึกนะครับ เพราะยิ่งขจัดไขมันมากเท่าไร ดูเหมือกับว่าพุงจะอวบขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ... แป้งคือตัวร้าย ไม่ใช่ไขมัน         ในช่วง 5-7 ปีมานี้ นักโภชนาการจากหลายสำนักบอกว่า ตัวการความอ้วนในยุคปัจจุบันนี้หาใช่ไขมันร้ายไม่หากเป็นเจ้าคาร์โบไฮเดรตหรือที่เราเรียกสั้น ๆ ว่าคาร์บ ซึ่งก็ได้แก่ อาหารพวกแป้งทุกชนิด รวมไปถึงน้ำตาล ตัวการที่ก่อโรคเบาหวานมานานนับร้อยปีนี่เองอาหารสำเร็จรูปส่วนใหญ่ที่ระบุว่าไร้ไขมันปราศจากคอเลสเตอรอล ซึ่งทำให้เราเข้าใจว่ากินแล้วไม่อ้วน แต่จริง ๆ แล้วอาหารเหล่านี้ยังคงมีปริมาณคาร์บที่สูงปรี๊ด และคาร์บเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วสามารถเปลี่ยนเป็นไขมันได้สบาย ๆ จึงไม่น่าแปลกอะไรที่คนกินอาหารไขมันต่ำแต่กลับอ้วนมากขึ้น ทางเลือกที่ดีของคนรักสุขภาพ        สังเวียนรบกับไขมันรอบพุงครั้งนี้ คุณอาจพลาดที่เล็งคู่ต่อสู้ผิดตัวไป แต่ยังไม่สายครับ คาร์บถือเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานที่จำเป็น ดังนั้นการงดคาร์บคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับคนรักสุขภาพ เพราะคุณอาจเกิดความผิดปกติในร่างกายแถมท้ายมากับน้ำหนักที่ลดลงได้ ประเด็นสำคัญคือ การกะปริมาณและเลือกชนิดคาร์บให้ถูกต้อง คาร์บที่ดีคือ คาร์บที่มีการดูดซึมช้า และมีปริมาณไฟเบอร์สูง แคลอรี่จากคาร์บที่ดีจะทำให้ไขมันสะสมได้น้อยลง และเพิ่มพลังให้ร่างกายคุณพร้อมรับมือกับภารกิจประจำวันได้อย่างสมบูรณ์ คาร์บสีน้ำตาลคือแหล่งวิตามิน        คุณทราบไหมว่า หากคุณเลือกบริโภคคาร์บสีน้ำตาลมากเท่าไร คุณจะได้สารอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน บี อี สังกะสี และโฟเลต ความเข้มของสีน้ำตาลในอาหารคาร์บเป็นตัวบ่งบอกว่าคาร์บนั้นมีส่วนผสมของผิวเมล็ดและจมูกเมล็ดซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารและไฟเบอร์ที่มีประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ขณะที่แป้งขัดขาวจะมีแต่ส่วนเมล็ดข้าวอย่างเดียวเท่านั้น

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Snacks

Snacks For Six-pack เรื่อง นพ.สมบูรณ์ รุ่งพรชัย       หนุ่ม ๆ ที่ติดตามอ่าน Men’s Health มานาน คงไม่ต้องบอกอว่ากล้ามท้องนั้นเกิดจากการฝึกที่ถูกต้อง ควบคู่ไปกับการกินที่เหมาะสม สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ซิตอัพกันทุกวี่ทุกวัน ผมรับรองว่ากล้ามท้องซิกแพ็คต้องมีอยู่ในหน้าท้องแล้วแน่นอน เพียงแต่มันโผล่ออกมาไม่พ้นไขมัน ดังนั้นลองใช้แผนสกัดดาวรุ่งสะดุ้งไขมันที่ผมกำลังจะแนะนำต่อไปนี้ดีไหมครับ      ขนมจีนหรือของว่างเป็นของต้องห้ามสำหรับคนฟิตรูปร่าง หรือลดน้ำหนักอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ บางคนถึงจะอดไม่ได้แต่ยังดีที่ไม่กล้าซัดเยอะ ๆ เหมือนโปรตีน แต่สังเกตไหมครับว่า บางคนกินเยอะขนาดไหนท้องก็ยังแข็งเป็นกระดานตลอด นั่นล่ะครับ เทคนิคการเลือกของว่างอย่างชาญฉลาด ซึ่งจะทำให้คุณรักษารูปร่างได้สบาย ๆ จริง ๆ แล้วสำหรับคนที่ฟิตร่างกายสม่ำเสมอ จะรู้ดีว่าการกินอาหารบ่อย ๆ จะเพิ่มพละกำลังได้ดี เร่งการเผลาผลาญเป็นเยี่ยม ลดอาการหิวโหยและทำให้สมองแจ่มใสครับคุณหมอบางคนบอกว่าอารมณ์จะดีขึ้นด้วยซ้ำแต่อย่างไรก็ดี เรามักจะพบว่ามีคนอยู่ 2 ประเภท       ประเภทที่ 1 พวกที่ส่ายหน้าไม่กินอย่างเดียว หรือกินน้อยมาก (ซึ่งก็จะตามมาด้วยอาการแคลอรีตกเป็นบางช่วง หรือหิวโหยกันจนไม่มีแรงเล่น)       ประเภทที่ 2 พวกที่เลือกกินไม่เป็น เลยกินแต่อาหารว่างจำพวกแป้ง น้ำตาลสูง ผลก็คือพุงที่ยื่นทะลุเข็มขัด      ปัญหาเรื่องนี้ผมเจอทุกวันตั้งแต่ตอนอยู่อเมริกาแล้วครับ บอกได้เลยว่า ทุกชาติมีปัญหาเรื่องนี้เหมือนกันทั้งนั้น ฉะนั้นหนุ่ม ๆ ควรเตรียมอาหารว่างไว้ล่วงหน้าครับจะเตรียมจากที่บ้าน หรือที่ทำงาน ก็แล้วแต่สะดวกครับรับรองไม่ยากเกินไปสำหรับเป้าหมายเพื่อสุขภาพและร่างกายฟิตเฟิร์มของคุณ บางคนที่ไม่มีความรู้ด้านนี้ก็คงท้อใจว่าเลือกยาก และไม่แน่ใจว่ากินได้มากน้อยแค่ไหน ลองมาดูแนวทางการจัดอาหารว่างของผมดีกว่าครับ รับรองงานอร่อยด้วย ฟิตด้วยและได้รางวัลเป็นซิกแพ็คอีกต่างหาก ไม่ว่าคุณ ๆ จะชอบกินอาหารว่างของขบเคียวหรือไม่ก็ตาม Old Snack : นมช็อกโกแลต Old Snack : ขนมหวานบัวลอย       ปั่นทั้งหวานทั้งมัน 1 แก้ว (190 แคลอรี) Smart Snack : กล้วยหอมหั่นเป็นชิ้น ๆ ครึ่งถ้วย ราดด้วยโยเกิร์ตไขมันต่ำแล้ววางน้ำมันโอเมกา-3 สักเม็ดหรือสองเม็ดให้ดูน่ากินยิ่งขึ้น วิธีนี้จะลดแคลอรีได้ครึ่งหนึ่ง แต่เพิ่มโปรตีนและไฟเบอร์ ซึ่งช่วยให้อิ่มได้นานกว่า  Old Snack : ไอศกรีมช็อกโกแลตเข้มข้น ราดเนยถั่ว (640 แคลอรี)  Smart Snack : กล้วยหอมสุก ๆ แช่แข็ง โรยถั่วลิสงสัก 20 เม็ด ในหนึ่งเสิร์ฟที่พอ ๆ กัน รู้ไหมครับว่าวิธีนี้จะลดไขมันกับน้ำตาลได้ถึง 300 แคลอรี แถมด้วยไฟเบอร์และวิตามินเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า 1 ถ้วย (220 แคลอรี)  Smart Snack : ลูกชิ้นปิ้งหอมกรุ่น 1 ไม้ ราดน้ำจิ้มเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ กินคู่กะหล่ำสด และแตงกวา จะได้แคลอรีในรูปของโปรตีนมากขึ้นเกือบครึ่งพร้อมไฟเบอร์จากผักสด อย่างน้อยก็ไหลเข้าไปในกล้ามเนื้อเราบ้างล่ะแต่ต้องเลือกร้านที่ดูดี ๆ นะครับ ไม่เอาสารบอแรกซ์แถมมาด้วยเด็ดขาด Old Snack : ขนมปังกรอบหรือชิปมันฝรั่ง 150 กรัม (320 แคลอรีกับเกลือทั้งนั้น)  Smart Snack : ขนมปังโฮลวีตหรือขนมปังกรอบไฟเบอร์สูง 100 กรัมหรือแอบเกินนิดหน่อยก็ได้ โปะหน้าด้วยแตงกวาหรือแคนตาลูปก็แล้วแต่ราดหน้าด้วยน้ำผึ้ง หรือน้ำสลัดเล็กน้อย ลดทั้งแคลอรี ป้องกันความดันโลหิตสู.จากการบริโภคเกลือมากเกินไป แถมด้วยไฟเบอร์เกลือแร่และวิตามินถึง 2–3 เท่า  Old Snack : ไก่ทอดร้อน ๆ 1 ชิ้น (300-400 แคลอรี)  Smart Snack : ไก่ย่างเนื้อล้วน 1 ไม้ ทานกับสลัดจานเล็ก ๆ ไม่ต้องลาดน้ำสลัดหรือตำผลไม้ถ้วยเล็ก ๆ รับรองอิ่มอร่อยสุขภาพดี เพราะแคลอรีที่ลดลงกว่าครึ่งลดไขมันพอกพูน พร้อมวิตามินมากมายจากผักผลไม้ Old Snack : เฟรนฟรายส์ขนาดธรรมดา 1 ห่อ (382 แคลอรี แถมด้วยไขมันเกือบ 20 กรัม โปรตีนหรือไฟเบอร์เกือบเป็น 0) Smart Snack : มันทอดทำเองหรือมันฝรั่งหั่นตามต้องการ ทอดแห้ง ๆ กับน้ำมันเล็กน้อย พอไม่ให้ติดกระทะโรยเกลือนิด พริกไทยหน่อย แล้วนำไปอบให้สุกหรือเข้าไมโครเวฟ เสิร์ฟพร้อมแครอตหั่นเป็นแท่ง ๆ กินสลับกันทีนี้ก็อร่อยอุดมวิตามินครับ Old Snack : พิซซ่า 1 ชิ้น (300-400 แคลอรี)  Smart Snack : ขนมปังแครกเกอร์ ราดซอสมะเขือเทศหรือซอสสปาเกตตีโรยชีสนิดหน่อยพอให้ได้กลิ่นหอมเตะจมูก นำเข้าไมโครเวฟพออุ่น ๆ แค่นี้ก็อร่อย วิธีนี้เหมือนเอาแคลอรีไปคืนร้านพิซซ่า 50 เปอร์เซ็นต์  Old Snack : แอปเปิ้ล 2 ผล Smart Snack : แอปเปิ้ล 1 ผล กับถั่วเคี้ยวเล่น วิธีนี้จะเสริมโปรตีนลดน้ำตาล ในปริมาณแคลอรีเท่าเดิมช่วยให้หนักท้องดีกว่าและนานกว่าด้วยครับ Old Snack : ปาท่องโก๋จิ้มนมข้นหวานหรือกล้วยแขก 1 เสิร์ฟ (710 แคลอรี)  Smart Snack : ขนมปังกรอบแบบแท่งเสิร์ฟคู้กับฝรั่งหรือแครอตสดจิ้มกับโยเกิร์ตไขมันต่ำ แกล้มกับแตงโมหวาน ๆ สักชิ้นสองชิ้น ทีนี้ก็กลายเป็นของว่าง 100 แคลอรีที่มีไขมันและโซเดียมต่ำ Healthy Six – pack Snacking On the Go, Try:  อาหารว่าง เสริมหุ่นฟิต แบบง่ายๆ หนุ่มยุคใหม่ความสะดวกเป็นสิ่งสำคัญ ในบางโอกาสคุณก็ต้องเลือกอาหารว่างที่ช่วยพยุงกล้ามเนื้อกันไว้บ้างถูกไหมครับ รายการอาหารว่างต่อไปนี้ช่วยคุณได้      - ถั่วอัลมอนด์ซองเล็กที่สุดนะครับ ซองประหยัดลดแลกแจกแถมอะไรมาให้ หรือจะถูกอย่างไรก็ไม่เอา      - แครกเกอร์เนยถั่วขนาดเล็กสุดอีกเหมือนเดิมหากไม่อิ่มก็รออีกครึ่งชั่วโมง ถ้ายังหิวอีกก็ค่อยซื้อเพิ่ม      - น้ำเต้าหู้ หวานน้อย หรือไม่ใส่น้ำตาล      - โยเกิร์ตไขมันต่ำ หรือรสธรรมชาติ      - ไฟเบอร์อัดแท่ง ไขมันต่ำ หวานน้อย ตามห้างหรือร้านค้าเริ่มมีวางขายมากขึ้นแล้วครับ แต่ถ้าไม่มีก็ใช้พวกหมูแผ่น หมูทุบสักชิ้น แกล้มกับชาเขียวร้อน ๆ Tips for Six-pack Snacks:      - Hunger Quotient: ความสามารถในการอดทนกับความรู้สึกหิวของคุณมีมากน้อยแค่ไหน ในแต่ละช่วงเวลา ลองสังเกตตัวคุณเองว่า ในแต่ละวันคุณจะหิวตอนช่วงเวลากี่โมง อย่าทนหิวจนหายหิวนะครับลองฟังร่ายกายคุณดีกกว่าครับ ถ้าเริ่มรู้สึกหิวนิด ๆ ลองหาอาหารว่างนิดหน่อยป้อนร่างกายคุณพอให้หายหิว ไม่ต้องถึงกับอิ่มนะครับ (หากเทียบระดับความหิวจนอิ่ม เป็นคะแนน 0 ถึง 10 คุณจะต้องอยู่ในระดับ 4-6 ให้ได้ตลอดวัน) แล้วค่อยปฏิบัติภารกิจของคุณต่อ วิธีนี้จะทำให้คุณรู้จักร่างกายคุณฯเองต้องการแคลอรีตอนไหน กี่ครั้งต่อวัน ซึ่งถูกต้องที่สุดด้วยครับ ลองเลิกกินตามสะดวกกันเสียที เพื่อดูว่าร่างกายคุณอยากให้คุณกินกี่มื้อ และกี่โมง      - Eat Proportionately: สังเกตสัดส่วนอาหารที่รับประทาน ลองทดสอบตัวคุณเองสิครับว่า คุณรู้ไหมว่าอาหารแต่ละมื้อที่คุณกินนั้นมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมัน ในสัดส่วนเท่าไหร่ ลองจัดสัดส่วนอาหารตามที่ร่างกายคุณต้องการ แล้วจะเห็นว่าทำได้ไม่ยากพยายามเลือกคาร์โบไฮเดรตจากโฮลวีต ข้าวกล้อง ข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว ส่วนโปรตีนก็เลือกพวกเนื้อล้วน ๆ เช่น ปลา ไก่ (ไม่ติดหนัง) ส่วนไขมันก็เน้นไขมันจากปลา น้ำมันมะกอก ที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายให้พอเหมาะกับปริมาณอาหารในแต่ละวันด้วย เช่น ช่วงนี้รับประทานเยอะ ก็ควรออกกำลังกายเพิ่มขึ้น      - Natrient-dense Foods: ข้อนี้สำคัญที่สุด การเลือกอาหารที่มีประโยชน์สูง ย่อมหมายถึงกุญแจของร่ายกายที่แข็งแรง เพื่อช่วยให้คุณออกกำลังกายได้ดีขึ้น อาหารบางอย่างแทบไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น เยลลี่หวาน ๆ คุณอร่อยก็จริง แต่ร่างกาย สมอง ผิวพรรณหิวโหยครับ ลองเปลี่ยนมากินถั่ว ผลไม้สด คุณก็อิ่ม สมองก็อิ่ม ร่างกายก็อิ่ม กล้ามเนื้ออิ่ม และผิวพรรณก็อิ่ม เขาเรียกว่าอิ่มกันทั้งทีม ทำอะไรเล่นอะไร ก็แข็งแรงไปหมด เก่งไปหมดครับ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

VEGETARAIN FITNESS FOR MEN

VEGETARAIN FITNESS FOR MEN ฟิตกล้ามเฟิร์มแบบหนุ่มพลังผัก เรื่อง : นพ.สมบูรณ์ รุ่มพรชัย           ตอนนี้กระแสคนรับประทานผักมาแรง และแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก ลองสังเกตดูสิครับหลาย ๆ คนในฟิตเนส สระว่ายน้ำ ยิม หรือแม้แต่พวกที่ชอบวิ่งในสวนสาธารณะเดียวกัน เริ่มเลิกรับประทานเนื้อสัตว์ หันมาทานมังสวิรัติมากขึ้น เหตุผลเพราะว่าพวกเขาคิดว่าผักมีประโยชน์และดีต่อสุขภาพช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายครับ ไม่ใช่ความเชื่อด้านศาสนา บางคนเล่นยิมจนกล้ามเฟิร์มมาก ๆ พอได้ทักทายไต่ถามว่าเล่นอย่างไร พอเขาบอกว่ารับประทานมังสวิรัติ ยิ่งทำให้รู้สึกทึ่งครับ เพราะเคยคิดว่าคนกล้าใหญ่ ๆ หุ่นเฟิร์มต้องรับประทานแต่เนื้อ อีกหลายคนสนับสนุนความคิดเดียวกันนี้ว่า แต่ก่อนพวกเขาผอมมาก มาดูหนาขึ้นก็เพราะเล่นเวตกับรับประทานผัก   Ask The Fitness Guru นพ.สมบูรณ์ รุ่งพรชัย American College of Anti-aging Sportsmedicine Professionals (ACASP)        ผมพึ่งสนใจเล่นฟิตเนสหลังได้อ่าน Men’s Health นี่แหละครับ ตอนที่ไปสมัครสมาชิกฟิตเนสใหม่ ๆ ทางเทรนเนอร์จะให้วัดอะไรเต็มไปหมด ผมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง อยากให้ช่วยสรุปให้สักนิดครับว่า การวัดเหล่านี้มีประโยชน์อย่างไรครับ A สำหรับหนุ่มทั่วไป หากจะบอกว่าคนไหนอ้วน คนไหนผอม คนส่วนใหญ่คงนึกถึงน้ำหนักตัวเป็นเกณฑ์ตัดสินจริงไหมครับ ใช่แล้ว เมื่อก่อนผมหรือหมอทั่วไปก็คิดเช่นนี้แต่สำหรับหนุ่ม Men’s Health ในปัจจุบัน ต้องบอกเลยครับว่าน้ำหนักตัวเป็นเกณฑ์ประเมินร่างกายของหนุ่ม ๆ ที่หยาบมาก ๆ และสำหรับคนที่เล่นเวต คาร์ดิโอ หรือฟิตเนสกันเป็นประจำแล้ว อย่าประมาทดูแต่น้ำหนักของคุณ แล้วมานั่งกลุ้มใจว่าเล่นเท่าไรน้ำหนักก็ไม่ลดนะครับ        อย่าเพิ่งทำหน้าสงสัยสิครับ ผมกำลังอธิบายให้คุณฟังว่า วันหนึ่งผมมีคนไข้ผู้ชายมาปรึกษาเกี่ยวกับโปรแกรมชะลอวัยเพื่อสุขภาพ 2 คน สองท่านนี้มีน้ำหนักและส่วนสูงพอ ๆ กัน ก่อนจะเข้ามาปรึกษาผมทั้งคู่บอกว่ามีปัญหาเรื่องดัชนีมวลกาย หรือ IBM สูง ซึ่งบ่งบอกว่ามีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนครับ แต่พอพบทั้งสองคนเข้าจริง ๆ คนหนึ่งดูอ้วนจริง แต่อีกคนสิครับตัวใหญ่ กล้ามเนื้อใหญ่ เพราะเล่นเวตมา ด้วยเหตุนี้ ผมจึงคิดว่าน้ำหนักอาจไม่สามารถบอกระดับร่างกายของคุณผู้ชายได้ครับ        ในกรณีนี้ การตรวจมวลไขมันในร่างกายกับวัดรอบเอว จะได้ข้อมูลที่ดีกว่าครับ เพราะผู้ชายไทยส่วนใหญ่จะมีมวลไขมันอยู่ระหว่าง 12 -15 เปอร์เซ็นต์ หากหนุ่มคนไหนมีมวลไขมันมากกว่า 18 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องถือว่าคุณไม่ฟิต ลงพุง หรือมีไขมันสะสมแล้วนะครับ อย่ารอให้น้ำหนักเป็นตัวฟ้องเท่านั้น แต่สำหรับหนุ่มที่อยากรูปร่างโดนกิ๊ก ด้วยซิกแพ็คหน้าท้อง คุณต้องคุมให้มวลไขมันต่ำลงอีก ส่วนใหญ่ต้องไม่เกิน 9 เปอร์เซ็นต์        นอกจากเรื่องมวลไขมันแล้ว การวัดมวลกล้ามเนื้อก็มีประโยชน์เช่นกัน เพราะเป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกว่าโปรแกรมฟิตกล้ามเนื้อที่คุณเล่นอยู่นั้นเหมาะสมกับคุณหรือไม่ อย่าลืมว่าโปรแกรมเวิร์กเอาต์ที่ว่ากันว่าเวิร์กนักเวิร์กหนา ก็ไม่จำเป็นต้องเวิร์กกับทุกคน หรือตัวคุณนะครับ สิ่งเดียวที่จะบอกได้ว่าโปรแกรมนั้น ๆ เหมาะกับคุณก็คือการดูมวลกล้ามเนื้อที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น (โปรแกรมการออกกำลังกายของคุณผู้ชายส่วนใหญ่จะเน้นลดมวลไขมันและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อดังนั้นน้ำหนักคุณอาจไม่เปลี่ยนแปลง หรืออาจจะเพิ่มแต่มวลกล้าเนื้อต้องเพิ่ม มวลไขมันต้องลดลงนะครับ) หน้าตาใบหน้าคุณอาจกำหนดเองไม่ได้ แต่สำหรับรูปร่างคุณกำหนดได้นะครับ ลงมือคุมอาหารกับออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ผลที่ต้องการก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป       ถ้าคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับทุกเรื่องใน Men’s Health เขียนมาหาทีมงานได้ที่ [email protected] เราจะหาคำตอบมาให้คุณ           LINETwitterFacebookWhatsAppอีเมล์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Ask The Fitness Guru

Ask The Fitness Guru Ask The Fitness Guru นพ.สมบูรณ์ รุ่งพรชัย American College of Anti-aging Sportsmedicine Professionals (ACASP)           ผมพึ่งสนใจเล่นฟิตเนสหลังได้อ่าน Men’s Health นี่แหละครับ ตอนที่ไปสมัครสมาชิกฟิตเนสใหม่ ๆ ทางเทรนเนอร์จะให้วัดอะไรเต็มไปหมด ผมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง อยากให้ช่วยสรุปให้สักนิดครับว่า การวัดเหล่านี้มีประโยชน์อย่างไรครับ   VEGETARAIN   FITNESS FOR MEN   ฟิตกล้ามเฟิร์มแบบหนุ่มพลังผัก   เรื่อง : นพ.สมบูรณ์  รุ่มพรชัย                          ตอนนี้กระแสคนรับประทานผักมาแรง และแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก ลองสังเกตดูสิครับหลาย ๆ คนในฟิตเนส สระว่ายน้ำ ยิม หรือแม้แต่พวกที่ชอบวิ่งในสวนสาธารณะเดียวกัน เริ่มเลิกรับประทานเนื้อสัตว์ หันมาทานมังสวิรัติมากขึ้น เหตุผลเพราะว่าพวกเขาคิดว่าผักมีประโยชน์และดีต่อสุขภาพช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายครับ ไม่ใช่ความเชื่อด้านศาสนา บางคนเล่นยิมจนกล้ามเฟิร์มมาก ๆ พอได้ทักทายไต่ถามว่าเล่นอย่างไร พอเขาบอกว่ารับประทานมังสวิรัติ ยิ่งทำให้รู้สึกทึ่งครับ เพราะเคยคิดว่าคนกล้าใหญ่ ๆ หุ่นเฟิร์มต้องรับประทานแต่เนื้อ อีกหลายคนสนับสนุนความคิดเดียวกันนี้ว่า แต่ก่อนพวกเขาผอมมาก  มาดูหนาขึ้นก็เพราะเล่นเวตกับรับประทานผัก                   จริง ๆ แล้วหนุ่มดูแลสุขภาพที่รับประทานมังสวิรัตินั้นหุ่นโดยเฉลี่ยจะดีกว่ามาตรฐานครับ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีพื้นฐานการเล่นที่ดี ความรู้ในการเลือกอาหารก็ดี จึงเลือกสิ่งดี ๆ ให้ตัวเอง โดยเฉพาะคนที่รับประทานมังสวิรัติแล้วรู้จักเล่นเวต จะยิ่งช่วยให้คุณฟิต ดีทั้งเรื่องเพศ ดีทั้งสมอง กล่าวคือทั้งฉลาดดูดี และแข็งแรง ไม่ใช่นักกล้ามที่โตแต่กล้ามเนื้อ ร่างกายจิตใจอ่อนแอไร้น้ำยา                   ความเชื่อที่ว่า คนที่สร้างกล้ามเนื้อจะต้องรับประทานเนื้อให้มาก ๆ เป็นความเชื่อที่ผิด มาเคลียร์ข้อข้องใจเรื่องผักกับการฟิตกล้ามกันดีกว่า ถ้าบอกว่าชอบรับประทานมังสวิรัติ คนส่วนใหญ่คงนึกภาพผู้ชายตัวแกร็น ๆ หนังติดกระดูกนิดหน่อย ดูขาดสารอาหาร ไม่มีเรี่ยวแรงออกกำลังกาย แต่จริง ๆ แล้วการรับประทานมังสวิรัติหากคุณทำความเข้าใจและเลือกอาหารให้ถูกต้อง ล้วนมีแต่ประโยชน์ต่อร่างกายและห่างไกลจากโรคร้าย       เคล็ดลับง่าย ๆ   สำหรับคนออกกำลังกายที่ชอบรับประทานอาหารมังสวิรัติ   ·       มังสวิรัติที่ดีต้องเลือกโปรตีนควบคู่ไปด้วย                     คนรับประทานมังสวิรัติจะกังวลว่าตนเองจะขาดโปรตีนไหม เพราะถูกสอนมาตั้งแต่เล็ก ๆ ว่าโปรตีนมาจากนมสัตว์ นม ไข่ เท่านั้น ในปัจจุบันคนที่ออกกำลังกายสามารถเลือกรับประทานอาหารมังสวิรัติโดยไม่ต้องกังวลเรื่องขาดโปรตีน เพราะเดี๋ยวนี้อาหารมังสวิรัติโปรตีนเยอะมีให้เลือกมากมาย ทานได้ไม่เบื่อเลยครับ ตัวอย่างเช่น นม ไข่ ธัญพืช ถั่วต่าง ๆ ล้วนอุดมไปด้วยโปรตีนมากมายถ้ายังไม่แน่ใจบางท่านอาจเสริมด้วยเวย์โปรตีนได้อีก โปรตีนล้วนชนิด Isolate ซึ่งมีขายในบ้านเราแล้ว ทั้งสิ้น ขอเพียงรู้จักไปเดินเล่นร้านอาหารเสริมบ้างเท่านั้น แน่นอนว่าโปรตีนเหล่านี้อาจไม่สมบูรณ์ครบถ้วนเท่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์ แต่หากรับประทานสลับให้หลากหลาย รับรองว่าโปรตีนหลัก ๆ ที่สำคัญครบถ้วนตามปริมาณที่แนะนำ ขอให้ตรวจดูว่าโปรตีนที่รับประทานไม่น้อยกว่า 200 กรัมต่อวัน   ·       เลือกสารอาหารให้ครบถ้วนและเตรียมอาหารเอง                    คำถามยอดฮิตที่ทำให้หลายคนกลัว ๆ กล้า ๆ ว่าจะรับประทานมังสวิรัติดีหรือไม่ดี ก็คือกลัวร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบ เพราะมีผู้รู้บางท่านทักท้วงมาจริง ๆ ถ้าจะรับประทานมังสวิรัติก็ต้องรู้จักเลือกรับประทานอาหารให้ครบถ้วนครับ คนรับประทานมังสวิรัติจะต้องเสียสละเวลาเพื่อเตรียมอาหารรับปะทานเองบ้าง เพราะสามารถกำหนดอาหารที่ให้คุณค่าครบถ้วนได้ สารอาหารที่ต้องระวังและมักขาดในผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติ ได้แก่ เหล็ก สังกะสี และวิตามินบี 12                    เหล็ก เป็นตัวช่วยสำคัญเรื่องเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นกุญแจปลดล็อคให้กล้ามเนื้อโตเร็วขึ้น คนส่วนใหญ่ได้สารชนิดนี้จากเนื้อสัตว์เป็นหลัก เพราะธาตุเหล็กจากพืชนั้น (พบมากในผักใบเขียว เช่น ผักโขม ใบขี้เหล็ก ธัญพืช) ร่างกายเราดูดซึมได้น้อยหากรับประทานน้อยเกินไปก็อาจขาดได้ แต่สามารถแก้ไขได้สบาย ๆ ครับ อาศัยเทคนิคช่วยนิดหน่อยสำหรับคนทานอาหารมังสวิรัติคือ แนะนำให้เสริมวิตามินซีในอาหารเข้าไปอีกสักหน่อย เพราะวิตามินซีจะช่วยการดูดซับเหล็กจากพืชได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ คนรับประทานมังสวิรัติควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชา กาแฟ พร้อมหรือหลังอาหาร เพราะชาและกาแฟ จะไปลดการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารที่คุณรับประทานถ้าชอบดื่มควรดื่มก่อนอาหาร 1-2 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร 4 ชั่วโมง ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือผลิตภัณฑ์จากนมและแคลเซียมบำรุงกระดูกจะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องรับประทานแยกมื้อกับอาหารครับ อาหารมังสวิรัติที่มีเหล็กมาก ได้แก่ ถั่ว ธัญพืช เต้าหู้ และไข่ เมนูไหนถ้าคุณรับประทานได้ อาจต้องเน้นกันหน่อย                    สังกะสี อาหารมังสวิรัติที่อุดมด้วยธาตุสังกะสี ได้แก่ ธัญพืชต่าง ๆ (อย่าต้มน้ำมาก หรือเปื่อยมากเพราะจะทำให้เสียคุณค่าทางอาหาร ถ้าพอดื่มได้เอาน้ำต้มมาดื่มก็ดี) ถั่ว เมล็ดพืช และเต้าหู้ อย่างไรก็ตาม คนรับประทานเนื้อก็มักขาดสังกะสีเช่นกันครับ ปริมาณที่แนะนำคือวันละ 25 มิลลิกรัม                    วิตามินบี 12 ส่วนใหญ่มังสวิรัติจะได้รับจากพวกนมกับไข่ คนทั่วไปได้จากปลา น้ำปลา ซึ่งวิตามินตัวนี้หนุ่ม ๆ มังสวิรัติขาดกันเยอะมาก ควรเสริมไว้ดีกว่าครับ เพราะวิตามินชนิดนี้ละลายน้ำได้ดีไม่สะสมในร่างกาย ขับออกทางปัสสาวะได้       ·       รับประทานอย่างไร ให้ร่างกายแข็งแรงแซงหน้า                    หนุ่ม ๆ ที่แต่ก่อนผอมเป็นกุ้ง เล่นเวตออกกำลังแล้วรู้สึกเฉย ๆ น้ำหนักขึ้นแต่ละทีก็เห็นโตแต่พุงโดยเฉพาะช่วงอายุสามสิบกว่า ๆ ซึ่งการเผาผลาญตกรับประทานทีไรจะเข้าไปกองที่พุงง่ายมาก แต่ทันทีที่ปรับเปลี่ยนการรับประทานให้ถูกแนว คุณจะกลายเป็นหนุ่มกล้ามแกร่งไม่แพ้คนที่รับประทานอาหารปกติทั่วไปครับ กล้ามมีพัฒนาการโตขึ้นอย่างรวดเร็วหากคุณเลือกเติมสารอาหารให้ครบถ้วนตัวอย่างเช่น หนุ่มมังสวิรัติที่ผมรู้จักคนหนึ่งเขาออกกำลังกายเป็นปรกติทุกอย่าง แต่เมื่อเริ่มทานมังสวิรัติก็หันมาดื่มเครื่องดื่มเวย์โปรตีนวันละ 30 กรัม โดยวันที่จะเล่นเวตจะผสมเดกโตส 25 กรัมชงกับน้ำ แล้วดื่มก่อนเล่นเวต 15-30 นาที ในวันที่ไม่เล่นเวตหรือเล่นเบาก็งดไป วิธีนี้ฉลาดมากเพราะโปรตีนกับเดกโตสจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายกลูโคสจะให้พลังงานในช่วงเริ่มต้นออกกำลังกาย 5 นาทีแรก หลังจากนั้นโปรตีนก็จะมาเสริมพลังงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้กลูโคสที่ดื่มก่อนออกกำลังจะทำให้ระดับฮอร์โมนอินซูลินสูงในช่วงออกกำลังซึ่งจะช่วยให้แคลอรีเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อได้ดียิ่งขึ้นผลก็คือกล้ามเนื้อจะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว หนุ่มมังสวิรัติที่รู้สึกว่ากล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงลองนำวิธีนี้ไปใช้ดูนะครับ อาหารหลักอีกอย่างของหนุ่มฟิตเนสพลังผักที่ห้ามขาดก็คือ อาหารจำพวกถั่ว เช่น ถั่วเหลืองหรือเต้าหู้ ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยมจากพืชครับ       ·       ทานผักอย่างไรจึงไม่ขาดพลัง                    จริง ๆ แล้วคนรับประทานแต่เนื้ออาจมีอาการอ่อนเพลียมากกว่าคนที่ทานมังสวิรัติอยู่ก็เป็นได้หนุ่มที่เลือกทานแต่เนื้อล้วน ๆ หลังทานจะยิ่งไม่ค่อยมีแรง อ่อนเพลีย รู้สึกง่วง เพราะว่าคนที่รับประทานโปรตีนเยอะ ร่างกายจะดึงพลังงานไปใช้ย่อยอาหารหมดครับ จึงขาดพลังงานหลังรับประทานอาหารได้ง่าย ๆ                   ความแข็งแกร่งเกิดจากร่างกายที่สมบูรณ์และสมดุล อาหารที่สมดุลจะเป็นแหล่งพลังงานที่สมบูรณ์ของเราในการเล่น กล้ามเนื้อแข็งแกร่งย่อมเกิดจากการโหลดที่มีประสิทธิภาพและถ้าคุณต้องการโหลดกล้ามเนื้อให้แกร่งสิ่งแรกที่คุณต้องทำก็คือสร้างพลังงานให้กล้ามเนื้อถือเป็นพื้นฐานสำคัญ เพราะกล้ามเนื้อต้องมีแรงจึงจะออกกำลังและนำไปสู่กล้ามเนื้อแข็งแรงสมส่วน และฟิตสูงสุดได้ การออกกำลังโดยไร้ซึ่งพลังงาน เสี่ยงต่อการบาดเจ็บกับเสียเวลารู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงจะเล่น ปัจจัยเรื่องอื่นที่มีผลต่อกล้ามเนื้อด้วยก็คือ ฮอร์โมนไม่ดี  ธาตุเหล็กพร่อง ระดับแคลอรีที่ไม่สม่ำเสมอ หรืออาจจะเล่นหนักขาดการพักผ่อน ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อบอบช้ำ และอ่อนแอยิ่งขึ้น สำหรับหนุ่มมังสวิรัติ ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้โดยไม่จำเป็นต้องหันกลับไปรับประทานเนื้อเลยครับ เพียงแต่รับประทานให้เป็นเวลา อย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ เลือกอาหารสักนิด ทีนี้กล้ามเนื้อก็พร้อมสำหรับพัฒนาการเกินร้อยครับ   ·       อาหารสูตรเสริมกล้ามเนื้อ สไตล์มังสวิรัติเป็นอย่างไร                    ไม่ว่าคุณจะกำลังเร่งกล้ามเนื้อให้พัฒนาสมส่วนหรือกำลังปรับกล้ามให้คมชัด ก็สามารถเลือกรับประทานมังสวิรัติได้ เทคนิคสำคัญคือปรับให้แคลอรีเพียงพอกับการเล่น และสัดส่วนสมดุลเท่านั้นเอง สารอาหารแต่ละชนิดจึงควรมาจากแหล่งที่หลากหลาย จะได้มั่นใจว่าไม่ขาดตัวใดตัวหนึ่ง เพราะถึงแม้อาหารจากพืชจะมีสารอาหารหลากหลายแค่ไหน ก็ยังไม่ครบถ้วน มีจุดอ่อนอยู่ในอาหารผักแต่ละชนิด การรับประทานอาหารหลากหลายจะเป็นการป้องกันการขาดสารอาหารสำคัญบางอย่าง โดยไม่จำเป็นต้องกลับไปรับประทานเนื้อ ผลลัพธ์ก็คือความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังออกกำลัง และร่างกายที่แข็งแรงในระยะยาว                   โดยทั่วไปแล้ว คนที่ทานมังสวิรัติจะมีสุขภาพดีกว่าคนทั่วไปโดยเฉลี่ยอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะห่างไกลโรคหัวใจ ลดไขมันในเลือด เสี่ยงต่อมะเร็งน้อยกว่า ความดันก็ไม่สูงกระฉูด แถมเบาหวานยังน้อยกว่า คุณมาถูกทางแล้วล่ะครับ ปรับให้สมดุลพอทุกอย่างเข้าที่ คุณจะแข็งแรงแบบสุด ๆ ครับ  

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

10 ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจฉีดวัคซีนเอชพีวี เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก

ทำไม “วัคซีนเอชพีวี” จึงสามารถป้องกันเราจากมะเร็งปากมดลูกได้ เนื่องจากสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกต่างจากมะเร็งชนิดอื่น ๆ เพราะไม่ได้มาจากกรรมพันธุ์ แต่เกิดจากการได้รับเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า HPV ( Human Papillomavirus) ซึ่งติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์เป็นหลัก โดยเชื้อไวรัสจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงเซลล์บริเวณปากมดลูก ทำให้กลายเป็นเซลล์เนื้อร้าย หรือมะเร็ง การฉีดวัคซีน เอชพีวี จึงเป็นการป้องกันต่อการติดเชื้อเอชพีวีชนิดสำคัญซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูกประมาณ 70% ดังนั้นผู้หญิงที่ได้รับวัคซีนเอชพีวีจึงสามารถลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้ถึง 70% เราจำเป็นจะต้องตรวจหาเชื้อเอชพีวีก่อนรับการฉีดวัคซีนหรือไม่ ? ตามคำแนะนำของคณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐอเมริกานั้น หญิงสาว ที่ไป รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่เรียกว่า “ แปปสเมียร์” ( Pap Smear Test) เป็นประจำและไม่พบผลผิดปกติใด ๆ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจหาเชื้อเอชพีวีก่อนการได้รับวัคซีน เพราะปัจจุบันยังมีข้อจำกัดของเครื่องมือ และสถานพยาบาลที่สามารถให้บริการได้ ทำให้การตรวจหาภาวะการติดเชื้อเอชพีวีโดยระบุสายพันธุ์ เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก และมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการรับฉีดวัคซีน ในกรณีที่มีผลการตรวจ “ แปปสเมียร์” ที่ผิดปกติ แพทย์จะให้คำแนะนำในการรักษาให้หายก่อนแล้วจึงรับการฉีดวัคซีน ได้ตามปกติ อย่างไรก็ดีหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว ก็ยังจำเป็นที่จะต้องตรวจ “แปปสเมียร์” อย่างสม่ำเสมอ เหมือนเดิม เพราะว่าวัคซีนเอชพีวีไม่สามารถ ให้การป้องกันครอบคลุมเชื้อเอชพีวีชนิดอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ทั้งหมด  วัคซีนเอชพีวี สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ 100 % หรือไม่ ? การค้นพบข้อเท็จจริงว่า มะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุมาจากเชื้อเอชพีวี 99.7% ซึ่งเป็นไวรัสที่ ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์เป็นหลัก ทำให้มีการพัฒนาการเป็นวัคซีนเอชพีวีซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อชนิดสำคัญที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้ 70% ดังนั้น จึงยังมีเชื้อ เอชพีวีบางส่วนที่วัคซีนนี้ยังไม่สามารถให้การป้องกันได้ อย่างไรก็ดี หญิงสาวจะได้รับประโยชน์เต็มที่จากการฉีดวัคซีนดังกล่าวในกรณี ที่ยังไม่เคยสัมผัสกับเชื้อเอชพีวีชนิดที่มีอยู่ในวัคซีนมาก่อน วัคซีนเอชพีวีที่ผลิตได้สำเร็จเป็นตัวแรก และได้รับการรับรองใช้ในกว่า 80 ประเทศทั่วโลกแล้วนั้น สามารถครอบคลุมเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการการเกิดโรคมะเร็งปากกมดลูก มะเร็งช่องคลอด และมะเร็งปากช่องคลอดประมาณ 70% และยังสมารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 6 และ 11 ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหูดบริเวณอวัยวะเพศประมาณ 90%  ผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว จะยังสามารถฉีดวัคซีนเอชพีวีได้หรือไม่ ? สำหรับผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วก็ยังคงสามารถพิจารณาฉีดวัคซีนเอชพีวีได้ เพียง แต่อาจจะไม่ได้รับประสิทธิภาพ สูงสุดในการป้องกันจากวัคซีน เมื่อเทียบกับผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน อย่าไรก็ดี เนื่องจากวัคซีนสามารถให้การป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีได้หลายสายพันธุ์ถึงแม้จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชพีวีไปแล้ว ก็ยังได้รับประโยขน์จากการป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีในบางสายพันธุ์อื่น ๆ ที่มีอยู่ในวัคซีนได้อีก  แนะนำการฉีดวัคซีนเอชพีวี ในช่วงอายุใดจึงจะเหมาะสมที่สุด ? เนื่องจากวัคซีนเอชพีวี นี้จะให้ประสิทธิภาพสูงสุดในกรณีที่ยังไม่เคยมีการสัมผัสกับเชื้อซึ่ง เป็นสาเหตุหลักของโรคมาก่อน ดังนั้น จึงเป็นวัคซีนที่แนะนำให้ฉีดในเด็กหญิง หรือหญิงสาววัยรุ่น ซึ่งนับเป็นการป้องกันล่วงหน้าก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ตามข้อแนะนำของคณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน แห่งสหรัฐอเมริกานั้นได้ให้การรับรองการใช้ในเด็กหญิง และหญิงสาวอายุ 9-26 ปีว่า วัคซีนสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์หลักคือ 16 และ 18 ได้อย่างมีประสิทธิภาพในผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อ ดังกล่าวมาก่อน และในอีกหลายประเทศชั้นนำก็มีการพิจารณาให้วัคซีนนี้เป็นวัคซีนภาคบังคับที่ให้ในเด็กหญิงและหญิงวัยรุ่นอายุช่วง 11-12 ปี ซึ่งนับเป็นการป้องกันก่อนที่จะมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อ เนื่องจากโดยสถิติของการติดเชื้อเอชพีวีทั่วโลกนั้นพบว่า ช่วงอายุที่พบการติดเชื้อมากที่สุดคือ 18-28 ปี และเชื้อเอชพีวีอาจใช้เวลาในการก่อตัวนานนับ 10 ปีก่อนที่จะปรากฏอาการผิดปกติและกลายเป็นมะเร็งในเวลาต่อมา ซึ่งนับเป็นเหตุผลในการอธิบายว่า ผู้ป่วยโรคนี้ที่มักจะมีอายุในช่วง 35 –50 ปี นั้น ที่แท้จริงแล้วอาจเริ่มมีภาวะการก่อตัวของโรคนี้ตั้งแต่ในช่วงวัยสาว  วัคซีนชนิดนี้มีความปลอดภัยสำหรับการฉีดในเด็กหญิงมากน้อยเพียงใด ? ผลการวิจัยได้ยืนยันว่า วัคซีนชนิดนี้มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นวัคซีนที่สังเคราะห์ เลียนแบบโครงสร้างของเชื้อเอชพีวี โดยที่ไม่ได้นำส่วนประกอบส่วนหนึ่งส่วนใดของสาย พันธุกรรมของเชื้อไวรัสมาใช้ผลิตวัคซีนเมื่อร่างกายได้รับวัคซีนก็จะสามารถสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อเอชพีวี โดยอาการข้างเคียงรุนแรงพบน้อยมาก ผลการวิจัยยังได้แสดงให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนในเด็กหญิงจะมีผลดีในเรื่องของการตอบสนองต่อการสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าในผู้ใหญ่อีกด้วย  ถ้าอายุเกิน 26 ปี ยังสามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่ ? ตามแนวคิดและหลักการในการให้วัคซีนเอชพีวีนั้น ถ้าหากเป็นการให้ก่อนที่จะเกิดการสัมผัสเชื้อหรือก่อนการมีเพศสัมพันธ์ก็จะทำให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากวัคซีน รวมทั้งการตอบสนองของร่างกายในการสร้างภูมิคุ้มกันก็เหมือนกับวัคซีนอีกหลาย ๆ ชนิดคือภูมิคุ้มกันจะสูงกว่าถ้าให้วัคซีนในวัยเด็ก ส่วนการตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคลในแง่ของความคุ้มค่าที่จะลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งปากมดลูกด้วยการฉีดวัคซีน เพราะประโยชน์ที่จะได้รับจากวัคซีนนั้นขึ้นอยู่กับสภาวะการติดเชื้อเอชพีวีที่อาจจะมีมาก่อนของแต่ละบุคคล ซึ่งโดยทั่วไปลักษณะการติดเชื้อเอชพีวีนั้น มักจะเป็นการติดทีละชนิด ไม่ได้ติดพร้อมกันทีเดียวทุกสายพันธุ์ ดังนั้นการรับวัคซีนจึงยังสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์อื่น ๆ ในวัคซีนที่ยังไม่มีการติดเชื้อ อย่างไรก็ดี แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนก่อนพิจารณาฉีดวัคซีน  วัคซีนชนิดนี้ สามารถฉีดในสตรีมีครรภ์หรือสตรีในระยะให้นมบุตรได้หรือไม่ ? ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้แก่สตรีมีครรภ์ สำหรับในกรณีที่มีการ ตั้งครรภ์ในระหว่างการฉีดวัคซีนในเข็มที่ 2 หรือ 3 นั้น ควรหยุดฉีดทันที และกลับมาฉีดเข็มต่อไปหลังจากที่คลอดโดยไม่ต้องเริ่มฉีดเข็มแรกใหม่ ปกติทั่วไปหญิงตั้งครรภ์ก็ไม่ควรฉีดวัคซีนซึ่งเป็นมาตรฐานการปฏิบัติอยู่แล้ว แต่จากรายงานพบว่าวัคซีนนี้ไม่มีอันตรายต่อเด็กที่คลอดจากแม่ที่ซึ่งได้รับวัคซีนในขณะตั้งครรภ์ ส่วนในระยะให้นมบุตรสามารถที่จะฉีดวัคซีนได้  การฉีดวัคซีนเอชพีวีจะฉีดบริเวณใด และมีผลข้างเคียงหรือไม่ ? การฉีดวัคซีนจะฉีดเข้าที่บริเวณกล้ามเนื้อต้นแขน ผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายนั้นน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นเพียงอาการเหมือนกับการได้รับวัคซีนอื่น ๆ เช่น ปวดบวมแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด หรืออาจมีไข้ต่ำในบางราย หลังฉีดแนะนำให้นั่งลงพักสังเกตอาการประมาณ 30 นาทีก่อนกลับบ้าน  วัคซีนเอชพีวีนี้จะต้องฉีดทั้งหมดกี่เข็ม และจะป้องกันได้นานเท่าไร ? การฉีดวัคซีนจะต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยจากการศึกษาที่ได้ติด ตามถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 5 ปี พบว่า ประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันที่อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ปัจจุบันการศึกษาระยะเวลาของการป้องกันยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง และพบแนวโน้มว่าวัคซีนเอชพีวีจะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถจดจำและสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเอชพีวีที่มีอยู่ในวัคซีนได้ ซึ่งลักษณะดังกล่าวจะคล้ายกับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี คือในช่วงแรกที่มีการใช้วัคซีนก็ยังไม่ทราบระยะเวลาของภูมิคุ้มกันที่ชัดเจน แต่ต่อมาก็พบว่าภูมิคุ้มกันสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฉีดกระตุ้น  เรียบเรียงข้อมูลโดย รศ. นพ.วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ ภาควิชาสูติศาสตร์ - นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

มะเร็งเม็ดเลือดขาว  (Leukemia) - รู้ทันสาเหตุ อาการ & วิธีรักษา

มะเร็งเม็ดเลือดขาว  (Leukemia,Leukeamia) เป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือด ทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดชนิดผิดปกติออกมามากกว่าปกติ และจะไปรบกวนการสร้างเม็ดเลือดปกติ ทำให้จำนวนเม็ดเลือดที่ปกตินั้นมีจำนวนลดน้อยลง อาการ เนื่องจากผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้น จะมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเซลล์ตัวอ่อนของเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่ออวัยวะที่สร้างเม็ดเลือดชนิดต่าง ๆ ได้แก่ ปริมาณเกร็ดเลือด ที่บทบาทสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือดนั้นลดจำนวนลง ส่งผลให้ผู้ป่วยอาจจะเกิดรอยจ้ำเลือด (bruised) มีภาวะเลือดไหลไม่หยุดได้ ( bleed excessively) และ อาจจะเป็นจุดแดง ๆ ตามผิวหนังได้ (petechiae) นอกจากนี้ การที่ผู้ป่วยมีจำนวนเม็ดเลือดขาวที่ปกติลดจำนวนลงนั้น จะทำให้ผู้ป่วยมีภาวะติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนปกติอีกด้วย รวมทั้ง การที่จำนวนเม็ดเลือดแดงมีจำนวนที่ลดลง ก็จะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการของโลหิตจาง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะหายใจลำบากขึ้นด้วย  นอกจากนี้ ยังอาจจะมีอาการอื่น ๆ อีก เช่น อาการมีไข้ขึ้น หนาวสั่น น้ำหนักลด มีอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และเมื่อเซลล์มะเร็งเกิดการแพร่กระจายไปยังตับและม้าม ก็จะทำให้ตับโต และม้ามโตได้ และถ้าหากเซลล์มะเร็งเกิดการแพร่กระจายไปยังกระดูก ก็จะส่งผลทำให้มีอาการปวดกระดูกและข้อได้เช่นกัน  ประเภท การแบ่งประเภทของมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้น สามารถแบ่งออกได้หลายแบบ ได้แก่ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน และ เรื้อรัง มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (Acute leukemia) เกิดจากการเพิ่มจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดตัวอ่อนอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ไขกระดูกไม่สามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดที่ปกติได้ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันมักเกิดกับเด็ก โดยผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตภายในไม่กี่เดือน มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (Chronic leukemia) เกิดจากการที่ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดที่ผิดปกติออกมาเป็นจำนวนมากกว่าเซลล์เม็ดเลือดที่ปกติ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีเซลล์เม็ดเลือดที่ผิดปกติในร่างกายเป็นจำนวนมาก โดยปกติแล้วมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน มักจะเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ในหลาย ๆ ช่วงอายุ  นอกจากนี้ มะเร็งเม็ดเลือดขาวยังสามารถแบ่งได้ตามลักษณะของเม็ดเลือดขาว ได้แก่ Lymphoid และ myeloid Lymphocytic leukemia คือ การที่พบเซลล์ในสาย Lymphoid ได้แก่ ลิมโฟไซท์ (Lymphocytes) และพลาสมาเซลล์ (plasma cells) ที่ผิดปกติเป็นจำนวนมากในกระแสเลือด  Myelogenous leukemia คือ การที่พบเซลล์ที่ผิดปกติในสายmyeloid ได้แก่ eosinophils, neutrophils, และ basophils เพิ่มมากขึ้นในกระแสเลือด  ดังนั้น เราจึงสามารถแบ่งประเภทของมะเร็งเม็ดเลือดขาว ออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่ Acute lymphocytic leukemia (Acute Lymphoblastic Leukemia หรือ ALL) สามารถพบได้ในเด็กอายุน้อยกว่า 10 ปี รวมถึงในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีอีกด้วย  Acute myelogenous leukemia (Acute Myeloid Leukemia (AML) หรือ acute nonlymphocytic leukemia) สามารถพบในผูใหญ่มากกว่าเด็ก  Chronic lymphocytic leukemia (CLL) พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี และสามารถพบในเด็กได้บ้าง แต่ไม่ค่อยส่งผลกระทบเท่าไหร่  Chronic myelogenous leukemia (CML) พบได้ในผู้ใหญ่ แต่ไม่ค่อยพบในเด็ก  โดยสรุปแล้วเราสามารถพบมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด AML และ CLL ได้ในผู้ใหญ่ ในขณะที่ เราสามารถพบมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL ในเด็ก สาเหตุ สาเหตุของมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้น ส่วนมากมักเกิดจากการผิดปกติของข้อมูลทางพันธุกรรม ซึ่งนำไปสู่การแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติไป นั่นคือ จำนวนเซลล์มะเร็งจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนไม่ยอมหยุด ดังนั้น เราสามารถสรุปสาเหตุการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว ดังนี้  สารก่อมะเร็ง  รังสี (Ionizing radiation)  ความผิดปกติของโครโมโซม (Chromosomal aberration)  ไวรัสบางชนิด  การตรวจทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ส่วนนี้ของบทความยังไม่สมบูรณ์ คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยเพิ่มเติมเนื้อหาในส่วนนี้  การรักษา การรักษาในผู้ป่วยแต่ละราย และมะเร็งแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน โดยหลักการการรักษาคือระยะแรกจะควบคุมโรคให้สงบ (remission) หลังจากนั้นจะป้องกันการกลับเป็นซ้ำ (relapse) ผู้ป่วยหลายรายสามารถหายขาดได้ วิธีการรักษา เคมีบำบัด Chemotherapy สามารถให้ได้ทั้งทางฉีดและการกิน มะเร็งบางชนิดอาจต้องให้เข้าไขสันหลัง รังสีรักษา Radiotherapy สามารถให้ได้ 2 กรณีคือให้รังสีบริเวณที่มะเร็งอยู่ เช่น ม้าม อันฑะ หรืออาจให้ฉายรังสีทั้งตัวเพื่อเตรียมการปลูกถ่ายไขกระดูก การปลุกถ่ายไขกระดูก Bone marrow transplantation โดยการให้เคมีบำบัดขนาดสูงร่วมกับรังสีเพื่อทำลายเซลล์หลังจากนั้นจึงนำไขกระดูกของคนปกติฉีดเข้าไป ผู้ป่วยจำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลจนกระทั่งร่างกายสามารถสร้างเม็ดเลือดได้  การสร้างภูมิคุ้มกัน Biological therapy โดยการใช้ interferon กับเซลล์มะเร็งได้บางชนิด  การรักษาอื่นๆที่จำเป็น เนื่องจากการรักษามะเร็งเม็ดเลือดมีโรคแทรกซ้อนมากดังนั้นการรักษาอื่น ก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน เนื่องจากผู้ป่วยอ่อนแอเกิดการติดเชื้อง่ายดังนั้นผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงสถานที่ทีมีคนมากโดยเฉพาะช่วงที่เกิดการระบาดของโรค ถ้าได้รับการติดเชื้อที่รุนแรงจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะ antibiotic  ภาวะโลหิตจางเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญและพบบ่อยหากเป็นมากอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยง่าย ถ้าซีดมากควรได้รับการเติมเลือด tranfussions ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจช่องปากก่อนการรักษา ผลข้างเคียงของการรักษา เคมีบำบัด Chemotherapy หลักการให้เคมีบำบัดคือทำลายเซลล์ที่แบ่งตัวเร็วซึ่งเซลล์มะเร็งแบ่งตัวเร็วดังนั้นจึงถูกทำลายมากแต่ขณะเดียวกันการให้เคมีบำบัดก็ทำลายเซลล์ปกติดังนั้นอาการข้างเคียงจึงเกิดจากการที่เซลล์ปกติถูกทำลาย ผู้ป่วยจะคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ผมร่วง เป็นหมัน  รังสีรักษา Radiotherapy บริเวณที่ฉายแสงขนหรือผมจะร่วง ผิวบริเวณดังกล่าวจะแห้ง คัน ห้ามใช้ lotion ก่อนปรึกษาแพทย์ การปลูกถ่ายไขกระดูก Bone marrow transplantation ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เลือดออกผิดปกติ แหล่งที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

การเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ

การเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ           ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแพทย์และการสาธารณสุข ทำให้คนมีสุขภาพพลานามัยดีขึ้น อายุขัยเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าในอดีต จำนวนผู้สูงอายุมีมากขึ้น สภาพร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกฎของธรรมชาติ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้น ช่วงที่เข้าสู่วัยสูงอายุ ซึ่งเป็นวัยสุดท้ายของชีวิต จึงควรต้องมีการเตรียมตัว เพื่อยอมรับ และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีความสุข มีหลักปฏิบัติ ดังนี้ 1. ต้องยอมรับว่าเมื่อเข้าสู่ระยะวัยสูงอายุแล้ว กำลังร่างกาย จิตใจย่อมเปลี่ยนแปลงในทางลดน้อยลง จึงต้องปรับตัวให้เข้า กับสังคมและหน้าที่การงานที่เหมาะสม 2. พยายามรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอ 3. ทำจิตใจให้แจ่มใส สนใจบุคคลและสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งให้ความสำคัญในคำสอนทางศาสนามากขึ้น 4. ช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด โดยคิดว่าตนเองมีความสามารถ อย่าท้อแท้ และพึ่งผู้อื่นให้น้อยที่สุด การเตรียมตัวที่ดีและพร้อม จะทำให้ผู้สูงอายุมีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น สามารถอยู่ร่วมกับครอบครัว และสังคมได้อย่างมีความสุข การปรับตัวและการวางตนของผู้สูงอายุ 1. การวางตนให้เหมาะสมและเป็นแบบอย่างที่ดี ผู้สูงอายุควรวางตัวให้เหมาะสมกับวัย ประพฤติปฏิบัติตน เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก หลาน และสมาชิกในครอบครัว  2. เป็นที่ปรึกษาแนะนำและกำลังใจแก่ลูก หลาน และสมาชิกในครอบครัวเมื่อมีปัญหา ผู้สูงอายุเป็นผู้ที่ผ่านปัญหา และอุปสรรคมามาก ย่อมมีประสบการณ์ที่สามารถนำมาเป็นบทเรียน ให้คำปรึกษาแนะนำแก่ลูก หลานได้เป็นอย่างดี การถ่ายทอด ความรู้ ประสบการณ์ในอดีต จึงเป็นสิ่งมีค่าและเป็นกำลังใจแก่ลูก หลาน แต่สิ่งที่พึงระวัง และเป็นข้อจำกัดสำหรับลูก หลาน และสมาชิกในครอบครัวก็คือ ต้องไม่เป็นการนำเรื่องในอดีตที่ร้ายแรง หรือมีผลกระทบรุนแรงต่อความเครียดในผู้สูงอายุ  3. ช่วยเหลืองานบ้านตามความสามารถ และความถนัด ผู้สูงอายุมักจะไม่อยู่นิ่งเฉย หากสภาพร่างกายยังมีกำลังดี ก็จะช่วยเหลืองานบ้าน เช่น ทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร รดน้ำต้นไม้ เลี้ยงหลาน ทำงานฝีมือ เย็บปักถักร้อย ฯลฯ  4. การยอมรับบทบาท และสถานภาพที่เปลี่ยนไป ผู้สูงอายุจะต้องตระหนักว่า เมื่ออายุมากขึ้นหรือเกษียณจากวัยทำงานแล้ว บทบาทและสถานภาพย่อมเปลี่ยนไป ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ให้ เป็นผู้นำครอบครัว เป็นผู้มีบทบาทในสังคม ต้องเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้รับ เป็นผู้ตาม ลดบทบาทในสังคม สถานภาพเปลี่ยนแปลงไป  5. การยอมรับและเข้าใจผู้อื่น ผู้สูงอายุจะต้องยอมรับ และปรับตัวให้สามารถอยู่ร่วมกับลูก หลาน และสมาชิกในครอบครัว ได้อย่างปกติสุข การยอมรับบทบาท และการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เป็นการให้กำลังใจ และให้เกียรติแก่ลูก หลาน และสมาชิกในครอบครัว ซึ่งมีส่วนช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัว กับผู้สูงอายุเป็นไปในทางที่ดีขึ้น  6. การช่วยเหลือตนเองเท่าที่สามารถทำได้ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ จะมีความเกรงใจลูก หลาน และผู้อุปการะดูแลใกล้ชิดอยู่เป็นปกตินิสัย ดังนั้น การช่วยเหลือตนเองของผู้สูงอายุเท่าที่สามารถทำได้ จึงเป็นการแบ่งเบา หรือลดภาระของผู้อื่นในครอบครัว การแบ่งเบาภาระ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นับเป็นการเสริมสร้าง และรักษาสัมพันธภาพ ขอบคุณข้อมูล สำนักงานส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
<