บอกลาโรคปริทันต์กันเถอะ

โรคปริทันต์ เป็นโรคที่มีการทำลายอวัยวะรอบตัวฟันได้แก่ เหงือก กระดูกรองรับรากฟัน เคลือบรากฟัน และเอ็นยึดรากฟันกับกระดูกเบ้าฟัน

โรคปริทันต์(รำมะนาด)
           โรคปริทันต์ เป็นโรคที่มีการทำลายอวัยวะรอบตัวฟันได้แก่ เหงือก กระดูกรองรับรากฟัน เคลือบรากฟัน และเอ็นยึดรากฟันกับกระดูกเบ้าฟัน การทำลายอวัยวะรอบตัวฟันดังกล่าว หากมีการสูญเสียไปแล้วจะเป็นการสูญเสียที่ถาวรไม่สามารถกลับคืนมาได้ ฟันนั้นก็จะไม่สามารถอยู่ในช่องปากได้อย่างแข็งแรงหรือต้องถอนฟันออกทั้งๆ ที่ยังไม่เคยมีอาการปวดเลย

อาการของเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์

           เหงือกมีสีแดง บวม เหงือกไม่รัดแน่นคอฟันและเลือดออกง่าย อาจเห็นตัวฟันยาวมากกว่าเดิม เพราะมีเหงือกร่น มีฟันโยก มีกลิ่นปาก มีอาการไม่สบายปาก ระคายเคืองเหงือก หรือมีอาการปวดรำคาญ หากเป็นมากมีร่องเหงือกลึก อาจมีหนองที่เหงือกเป็นๆ หายๆ ได้

- เหงือกที่แข็งแรง คือ เหงือกที่ยึดแน่นกับฟันและไม่มีเลือดออก

- เหงือกอักเสบขั้นรุนแรงกระดูกและเนื้อเยื่อถูกทำลาย ฟันจะโยกหลวมและต้องถูกถอน

ขั้นตอนการรักษาโรคเหงือก

           การรักษาจะต้องมีการขูดหินปูน และเกลารากฟัน (Root planning) ร่วมด้วย โดยจะขูดหินปูนทั้งบนตัวฟันและส่วนที่อยู่บนผิวรากฟันภายในร่องปริทันต์ ส่วนการเกลารากฟัน คือ การทำให้ผิวรากฟันเรียบเพื่อให้เนื้อเยื่อเหงือกสามารถกลับมายึดติดแน่นกับผิวฟันได้เหมือนเดิม ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องทำหลายครั้ง และควรทำโดยทันตแพทย์เฉพาะทางโรคเหงือก

          หลังรักษาเสร็จแล้วประมาณ 4 - 6 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะเรียกกลับมาดูอาการอีกครั้งว่าหายดีหรือไม่ ถ้ายังมีร่องลึกปริทันต์เหลืออยู่หรือมีการละลายของกระดูกไปมาก อาจจำเป็นต้องใช้วิธีผ่าตัดเหงือก (ศัลย์ปริทันต์ : Periodontal Surgery) ร่วมด้วย

การดูแลรักษาช่องปากของผู้ป่วย

          ท่านจะต้องทำความสะอาดฟันและซอกฟันอย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอด้วยตนเอง อย่างน้อยจะต้องใช้แปรงและไหมขัดฟันทุกวัน เพื่อที่จะกำจัดคราบจุลินทรีย์ให้หมด ไปพบทันตแพทย์ทุก 3 - 6 เดือน เพื่อตรวจดูว่ามีคราบจุลินทรีย์และหินปูนหลงเหลือจาการทำความสะอาดเองหรือไม่เพื่อที่จะได้รับการรักษาในระยะแรก                        

ข้อปฏิบัติหลังการผ่าตัดเหงือก

1. หลังการผ่าตัดจะมีเลือดซึมออกมีแผลเล็กน้อย ห้ามบ้วนน้ำลายหรือบ้วนน้ำ เพราะจะทำให้เลือดไหลไม่หยุด

2. ในกรณีที่เลือดไม่หยุดไหล ควรใช้น้ำแข็งห่อประคบข้างแก้มบริเวณที่ทำการผ่าตัด

3. หลีกเลี่ยงการแปรงฟันบริเวณที่ทำการผ่าตัด ส่วนบริเวณอื่นสามารถแปรงฟันได้ตามปกติ และใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อทำความสะอาดแผล

4. ห้ามแคะหรือเขี่ยบริเวณที่ทำการผ่าตัด

5. ไม่ควรออกกำลังกายหนักเกินควร

6. ห้ามดื่มสุรา ของมึนเมา หรือรับประทานอาหารเผ็ดจัด ร้อนจัด

7. ถ้ามีอาการบวมหรือรู้สึกผิดปกติ ควรกลับไปพบทันตแพทย์ทันที

 

<