บทความนี้จะพาไปรู้จัก Aortic Aneurysm หรือโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองว่าคืออะไร แล้วมาสังเกตอาการของโรคนี้ เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง หรือAortic Aneurysmคือ การที่หลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta) ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดภายในร่างกาย เกิดความผิดปกติขึ้นมา เช่น เกิดการขยายออกจนโป่งพอง หรืออักเสบหนักจนหลอดเลือดปริแตก จึงทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงอวัยวะภายในร่างกายได้
อีกทั้งโรคนี้มักไม่แสดงอาการข้างเคียงใดๆ จึงเปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่รอทำงาน เมื่อเป็นหนักจนเกิดการโป่งพอง หรือเส้นเลือดปริแตกขึ้นมา ผู้ป่วยจะมีอาการปวดอย่างรุนแรงที่บริเวณช่องอก หรือช่องท้อง เกิดเลือดออกภายในร่างกายส่งผลถึงชีวิต โดยหากเกิดภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองจนแตก จะมีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 80 - 90% เลยทีเดียว
โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง จะเกิดบริเวณ 2 ตำแหน่งภายในร่างกาย ได้แก่ บริเวณช่องท้อง หรือบริเวณช่องอก โดยอาการส่วนใหญ่จะสังเกตได้ยาก เนื่องจากเป็นอาการที่พบได้โดยทั่วไป เช่น ปวดท้อง ปวดหลัง
แต่จะสามารถพบได้ผ่านทางการเอกซเรย์ หรือสามารถสังเกตอาการผิดปกติเพิ่มเติมได้ หากเกิดการกดเบียดของหลอดเลือดตามอวัยวะต่างๆ ดังนี้
หลอดเลือดบริเวณหลอดลมถูกกดเบียด ทำให้หายใจติดขัด
หลอดเลือดบริเวณหลอดอาหารถูกกดเบียด ทำให้กลืนอาหารลำบาก
หลอดเลือดบริเวณเส้นประสาทที่กล่องเสียงถูกกดเบียด ทำให้เสียงแหบ
ทั้งนี้หากผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก ปวดหลัง หน้ามืด ไอเป็นเลือด อาจเกิดภาวะหลอดเลือดปริแตกซึ่งเป็นภาวะวิกฤตเร่งด่วน จึงแนะนำให้รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง มีดังนี้
พันธุกรรมผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองจะมีความเสี่ยงเป็นโรคมากกว่าคนทั่วไป
ผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมบางชนิดเช่น กลุ่มมาร์แฟน (Marfan Syndrome) จะมีรูปร่างสูง ผอม นิ้วมือนิ้วเท้ายาวกว่าปกติ กลุ่มคนเหล่านี้จะมีภาวะแทรกซ้อนเป็นโรคลิ้นหัวใจไมทรัลหย่อน(Mitral Valve Prolapse) หรือเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองตั้งแต่วัยหนุ่มสาว
ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงจะทำให้แรงดันในหลอดเลือดสูงกว่าปกติ ทำให้เกิดแรงดันชนผนังหลอดเลือดมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดใหญ่โป่งพอง และหลอดเลือดแตก
ผู้ที่สูบบุหรี่สารพิษในควันบุหรี่ทำให้เลือดมีความหนืดมากขึ้น ส่งผลต่อการเกิดหลอดเลือดตีบ
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่าโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองนั้น แทบจะไม่มีอาการที่สามารถสังเกตได้ชัด ดังนั้นการวินิจฉัยโรคของแพทย์มักปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้
พิจารณาจากความเสี่ยง เช่น ประวัติคนในครอบครัว โรคประจำตัวต่างๆ
สอบถามอาการที่เกี่ยวข้อง เช่น มีอาการปวดหัว แน่นหน้าอก หรือปวดบริเวณช่วงท้อง คลำเจอก้อนที่เคลื่อนไหวได้ในช่องท้อง
สอบถามอาการแทรกซ้อนที่อาจเกี่ยวข้อง เช่น อาการหายใจลำบาก กลืนอาหารลำบาก หรือเสียงแหบ
ทำการเอกซเรย์ช่องอก และช่องท้องเพื่อตรวจดูหลอดเลือด
ทำการตรวจสอบด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์(Ultrasound) และการถ่ายภาพเอกซเรย์
ทำการตรวจสอบด้วยคอมพิวเตอร์ (CT Scan)
แพทย์ทำการวินิจฉัยโรค พร้อมแนะแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
โดยทั่วไปแล้วมีวิธีการรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองหลายรูปแบบ ทั้งการรักษาโดยการผ่าตัด หรือการติดตามเฝ้าดูอาการเป็นระยะเพื่อประเมินความเสี่ยง โดยสามารถแบ่งการรักษาออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
เริ่มจากการรักษาด้วยการควบคุมปัจจัยเสี่ยง สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองที่อยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ แพทย์จะแนะนำให้ติดตามอาการเป็นระยะ โดยใช้วิธีการรักษาด้วยการคุมปัจจัยเสี่ยงแทนเช่น ควบคุมระดับความดันโลหิต หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และติดตามโดยการUltrasound หรือ CT Scan เป็นต้น
การรักษาด้วยการผ่าตัดแบบเปิด เป็นผ่าตัดใหญ่ที่ต้องใช้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัด โดยแพทย์จะทำการกรีดแผลบริเวณช่องอก หรือบริเวณช่องท้อง จากนั้นทำการตักหลอดเลือดใหญ่ที่โป่งพองออก และใส่หลอดเลือดเทียมเข้าไปแทนที่
3การรักษาด้วยการใส่หลอดเลือดเทียมชนิดหุ้มด้วยขดลวดผ่านทางสายสวน
การรักษาด้วยการผ่าตัดใส่หลอดเลือดเทียมชนิดหุ้มด้วยขดลวด เป็นการผ่าตัดที่เหมาะกับคนไข้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการผ่าตัดใหญ่ เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
โดยวิธีนี้เป็นการผ่าตัดผ่านทางหลอดเลือดแดงบริเวณขาหนีบ แล้วทำการสอดหลอดเลือดเทียมชนิดหุ้มด้วยขดลวดเข้าไปตรงตำแหน่งหลอดเลือดแดงใหญ่ที่โป่งพองภายในช่องอก หรือบริเวณช่องท้อง วิธีนี้จะมีแผลผ่าตัดที่เล็กมาก(Mini Surgery)
สำหรับวิธีป้องกันโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่บุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ควันบุหรี่มีก๊าซคาร์บอนมอนอ๊อกไซด์ที่จะไปแย่งจับออกซิเจนภายในเลือด ทำให้หลอดเลือดรับออกซิเจนได้น้อยลง ส่งผลให้หลอดเลือดเปราะแตกง่าย
ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองและหลอดเลือดแดงฉกขาดได้มากกว่าปกติ
ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งควรตรวจร่างกายให้ละเอียด แนะนำให้เอกซเรย์ปอดทำอัลตราซาวนด์บริเวณช่องท้อง ตรวจการทำงานของตับและไต รวมถึงทดสอบสมรรถภาพของหัวใจโดยการเดินสายพาน(Exercise Stress Test )
ที่โรงพยาบาลวิภาวดีมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบหัวใจและหลอดเลือดโดยเฉพาะ ที่พร้อมดูแลผู้ป่วยที่ต้องการรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง โดยสามารถนัดหมายเพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดก่อนเข้ารับการผ่าตัด
เพื่อให้การรักษาสามารถทำได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถนัดหมายได้อย่างสะดวกผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาลวิภาวดีและสามารถตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ที่นี่และสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์ประกันผู้ป่วย สามารถสอบถามค่าใช้จ่าย และค่าผ่าตัดประมาณการได้ที่แผนกผู้ป่วยในโทรศัพท์: 02-561-1111 ต่อ 4137,4139นอกจากนี้ยังมีช่องทางสำหรับการติดต่อของตัวแทนประกันชีวิตต่างๆ ทางLine ID: @vibhainsurance
โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง หรือ aortic aneurysm คือการที่หลอดเลือดแดงใหญ่เกิดการโป่งพอง เสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดแตก อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัดแบบเปิดหรือผ่านทางสายสวน ทั้งนี้รูปแบบการผ่าตัดที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย
นอกจากนี้ โรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองมักไม่แสดงอาการของโรคที่ชัดเจน จึงควรตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดโรคร้ายที่ยากต่อการสังเกต
สำหรับกรณีที่มีอาการเข้าข่ายโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ทางโรงพยาบาลวิภาวดีได้มีบริการตรวจสุขภาพหัวใจเพื่อการตรวจสอบสุขภาพหัวใจว่ามีความเสี่ยงมากแค่ไหน ตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงสามารถทำให้สามารถหาวิธีการรักษาที่ดีกับผู้ป่วยต่อไปได้
และสำหรับใครที่สนใจแพ็กเกจตรวจสุขภาพของทางโรงพยาบาลวิภาวดี สามารถเข้าไปเลือกซื้อแพ็กเกจที่เหมาะสม หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-561-1111
ทางโรงพยาบาลวิภาวดีได้รวบรวมคำถามที่เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง หรือ Abdominal Aortic Aneurysm เอาไว้ให้แล้ว ดังนี้
หลอดเลือดแดงใหญ่ ทำหน้าที่เป็นท่อลำเลียงเลือดไปสู่อวัยวะสำคัญภายในร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ ไต โดยเมื่อเกิดความผิดปกติที่หลอดเลือดแดงใหญ่ จนหลอดเลือดแดงโป่งพอง หรือหลอดเลือดแตก จะส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ทำให้อวัยวะภายในขาดเลือดหล่อเลี้ยง เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
การผ่าตัดรักษาAortic Aneurysmหรือการผ่าตัดรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง เป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หลังการผ่าตัดผู้ป่วยควรนอนพักในห้องพักฟื้นที่มีทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอยู่ เนื่องจากผู้ป่วยอาจเกิดภาวะเลือดออกบริเวณแผลผ่าตัด หรืออาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น ภาวะขาดเลือดบริเวณหลอดเลือดส่วนปลาย อาจเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเกิดภาวะชัก
ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดมีอะไรบ้าง?
ภาวะแทรกซ้อนหลังจากผ่าตัดรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองอาจเกิดได้หลายรูปแบบ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต ดังนั้น ก่อนทำการผ่าตัดแพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตัวคนไข้มากที่สุด เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน
สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่
02-561-1111
02-058-1111
ศูนย์หัวใจวิภาวดี ชั้น 3 อาคาร 1
ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved