ไตเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย แต่เมื่อเกิดอาการไตวายเฉียบพลัน การทำงานของไตจะหยุดชะงักอย่างทันที ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายจนอาจอันตรายถึงชีวิตได้ บทความนี้จะพามาสังเกตว่าไตวายเฉียบพลันอาการเป็นอย่างไร พร้อมทำความเข้าใจถึงสาเหตุ วิธีการรักษา รวมถึงการป้องกัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
ภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury) คือ การที่ไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียและขับถ่ายสารน้ำออกจากร่างกายอย่างฉับพลันในระยะเวลาอันสั้น อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน ส่งผลให้ร่างกายสะสมของเสียและเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจร้ายแรง ควรรู้สังเกตว่าไตวายเฉียบพลันอาการเป็นอย่างไร โดยอาการที่พบได้บ่อย มีดังนี้
ภาวะไตวายเฉียบพลันหรือกรวยไตอักเสบเฉียบพลันสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะสำคัญ โดยแต่ละระยะจะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกัน บ่งบอกถึงความรุนแรงของการทำงานที่บกพร่องในไตที่ต่างกัน รายละเอียดมีดังนี้
ไตวายเรื้อรังหรือไตวายเฉียบพลัน เกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
หากจำเป็นต้องใช้ยากลุ่มที่ส่งผลกระทบต่อไต ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะไตวายเฉียบพลันที่อาจเกิดขึ้น
ภาวะไตวายเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย โดยความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของภาวะไตวายเฉียบพลัน
ไตวายเฉียบพลันชนิดที่ไม่รุนแรง จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของไตลดลง เลือดเริ่มสะสมของเสียมากขึ้น เช่น ครีเอตินีนและยูเรีย ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะแมกนีเซียมหรือฟอตเฟสในเลือดสูง ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ
โดยจะทำให้ร่างกายเกิดการอ่อนเพลีย ปัสสาวะลดลงเล็กน้อย หรือมีอาการบวมในบางส่วน เช่น ขาและเท้า ภาวะนี้สามารถฟื้นตัวได้หากได้รับการรักษาทันท่วงที
ไตวายเฉียบพลันชนิดที่รุนแรง เกิดขึ้นเมื่อไตไม่สามารถทำงานได้แล้ว ส่งผลให้ของเสียและของเหลวสะสมในร่างกายอย่างรวดเร็ว อาการแทรกซ้อนที่พบได้ เช่น น้ำท่วมปอด หัวใจเต้นผิดจังหวะ ติดเชื้อง่าย และภาวะเลือดเป็นกรด
นอกจากนี้อาจเกิดความสับสน สมองมึนงง หรือหมดสติในผู้ป่วยบางราย ภาวะนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะหากรักษาช้าเกินไป ไตจะถูกทำลายอย่างถาวรนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรังได้
การวินิจฉัยภาวะไตวายเฉียบพลัน ต้องอาศัยกระบวนการตรวจที่ละเอียดและครอบคลุม เพื่อระบุสาเหตุและความรุนแรงของภาวะนี้อย่างแม่นยำ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. การซักประวัติและตรวจร่างกายแพทย์จะซักประวัติเพื่อประเมินความเสี่ยงของภาวะไตวาย รวมถึงตรวจร่างกายเพื่อค้นหาอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้อง เช่น อาการบวมน้ำ ปัสสาวะผิดปกติ หรือสัญญาณบ่งชี้ของโรคอื่น ๆ
2. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
3. การตรวจภาพถ่ายทางการแพทย์
การวินิจฉัยภาวะไตวายเฉียบพลันจำเป็นต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลการตรวจที่ถูกต้องและนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
การรักษาภาวะไตวายเฉียบพลันมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อร่างกาย ฟื้นฟูการทำงานของไต และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยมีแนวทางการรักษาดังนี้
การรักษาภาวะไตวายเฉียบพลันจำเป็นต้องดำเนินการภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดและเหมาะสมกับภาวะของผู้ป่วยแต่ละราย
ภาวะไตวายเฉียบพลัน เป็นปัญหาสุขภาพที่สามารถป้องกันได้หากดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม โดยแนวทางการป้องกันมีดังนี้
ไตวายเฉียบพลันกับไตวายเรื้อรัง ต่างก็เป็นภาวะที่ไตสูญเสียความสามารถในการทำงาน แต่มีความแตกต่างกันในด้านสาเหตุการเกิดและการฟื้นตัว
ไตวายเฉียบพลันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่กี่วันถึงสัปดาห์ ผู้ป่วยมักมีอาการรุนแรง เช่น ปัสสาวะน้อย ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง หรือเลือดเป็นกรด หากได้รับการรักษาทันเวลา สามารถฟื้นฟูการทำงานของไตให้กลับมาเป็นปกติได้
ในขณะที่ไตวายเรื้อรังเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะเวลานาน และไตจะถูกทำลายอย่างถาวร ภาวะไตวายเรื้อรังอาการในช่วงแรกอาจไม่ชัดเจน แต่เมื่อไตเสื่อมลงถึงจุดหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีอาการบวม ความดันโลหิตสูง คลื่นไส้ เบื่ออาหาร และในกรณีรุนแรงอาจหมดสติหรือเสียชีวิต ภาวะไตวายเรื้อรังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงชะลอการเสื่อมและควบคุมโรคร่วม เพื่อคงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้นานที่สุด
โรงพยาบาลวิภาวดีให้บริการดูแลผู้ป่วยโรคไตไม่ว่าจะเป็นภาวะไตวายเฉียบพลัน หรือกรวยไตอักเสบเฉียบพลันได้อย่างครบวงจร ด้วยบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การวินิจฉัยจนถึงการดูแลฟื้นฟูสุขภาพ โดยบริการที่โดดเด่น ได้แก่
หากต้องการเข้ารับบริการสามารถถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาโรคเกี่ยวกับไต รวมถึงตรวจสอบค่าใช้จ่าย สิทธิการรักษา และนัดหมายแพทย์ล่วงหน้า ทำได้ผ่านทางเว็บไซต์ของโรงพยาบาลวิภาวดีหรือโทรติดต่อที่หมายเลข 0-2058-1111, 0-2561-1111 กด 1221,1222
ไตวายเฉียบพลันเป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การสังเกตอาการ เช่น ปัสสาวะลดลง อ่อนเพลีย หรือบวมตามร่างกาย เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและรักษาได้ทันเวลา การป้องกันภาวะนี้ทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอ และควบคุมโรคประจำตัว
สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาโรคไตอย่างครบวงจร มาที่โรงพยาบาลวิภาวดีเราพร้อมให้บริการด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยสามารถนัดหมายล่วงหน้าได้ที่หมายเลข 02-561-1111 พร้อมรับข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิการรักษาและค่าใช้จ่ายอย่างโปร่งใส เพื่อให้ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
บทความนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไตวายเฉียบพลัน พร้อมคำตอบจากแพทย์มาคลายข้อสงสัยเพิ่มเติม ดังนี้
หากมีอาการปัสสาวะลดลงหรือไม่มีปัสสาวะเลย บวมที่ขา ข้อเท้า หรือเท้า เหนื่อยล้า สับสน คลื่นไส้ อาเจียน หรือหายใจลำบาก ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะไตวายเฉียบพลัน ซึ่งต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว
ภาวะไตวายเฉียบพลันไม่สามารถหายได้เอง จำเป็นต้องได้รับการรักษาและดูแลจากแพทย์ การรักษาอย่างทันท่วงทีสามารถช่วยฟื้นฟูการทำงานของไตและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ภาวะไตวายเฉียบพลันเป็นภาวะที่อันตราย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การสะสมของของเสียในร่างกาย การเสียสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
สีของปัสสาวะสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของไตได้ หากมีภาวะไตวายเฉียบพลัน ปัสสาวะอาจมีสีเข้มขึ้น เช่น สีชา หรืออาจมีลักษณะขุ่น อย่างไรก็ตามสีของปัสสาวะอาจเปลี่ยนแปลงได้จากหลายปัจจัย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
เป็นไตวายเฉียบพลัน หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การฟอกไตหรือปลูกถ่ายไต และดูแลสุขภาพอย่างเคร่งครัด สามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน 5-10 ปีโดยเฉลี่ย และบางรายสามารถอยู่ได้นานมากกว่า 20 ปี
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved