อุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด โดยเฉพาะอุบัติเหตุเกี่ยวกับเอ็นไขว้หน้า ที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน อุบัติเหตุเอ็นไขว้หน้าขาดเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ บทความนี้จะพาไปสังเกตอาการเอ็นไขว้หน้าขาด วิธีตรวจวินิจฉัย พร้อมวิธีรักษา เพื่อป้องกันอันตรายจากภาวะเข่าเสื่อมในอนาคต
เอ็นไขว้หน้า (Anterior cruciate ligament: ACL) คือเส้นเอ็นหลักชนิดหนึ่งที่อยู่ในข้อเข่า เป็นเส้นเอ็นที่อยู่ลึกในส่วนกลางของข้อเข่า ทำหน้าที่ยึดป้องกันไม่ให้เกิดอาการเข่าหมุน ทำให้เข่ามีการเคลื่อนไหวที่มั่นคง เมื่อเกิดอาการเอ็นไขว้หน้าขาดจะมีเลือดออกภายในข้อ ผู้ป่วยจะเคลื่อนไหวได้ลำบาก มีอาการเจ็บเข่า เข่าบวม ไม่สามารถงอเข่าได้
สำหรับระดับความเจ็บของอาการเอ็นไขว้หน้าขาดนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
ระดับที่ 1 ระดับต้นอาการเอ็นไขว้หน้าขาดระดับต้น เอ็นได้รับความเสียหายเล็กน้อย ข้อเข่ายังทรงตัวได้อยู่
ระดับที่ 2 ระดับกลางเอ็นไขว้หน้ามีการฉีกขาดออกบางส่วน หัวเข่าเริ่มมีอาการบวม รู้สึกเจ็บเข่ามากยิ่งขึ้น
ระดับที่ 3 ระดับรุนแรงเอ็นไขว้หน้าขาดออกทั้งหมด มีเลือดออกภายใน ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บมากขึ้นจนไม่สามารถเดิน หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อได้
ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจไม่รู้สึกเจ็บมากขนาดนั้นเมื่อเอ็นไขว้หน้าขาดไประยะหนึ่งโดยที่ยังไม่ได้รับการรักษา จะรู้สึกว่าหัวเข่าหลวม หรือรู้สึกปวดเข่าจนไม่สามารถออกกำลังกายได้เท่าเดิมแค่นั้น
อาการเอ็นไขว้หน้าขาดที่สามารถสังเกตได้ มักมีอาการดังต่อไปนี้
มีอาการปวดเข่า หรือในบางรายอาจมีอาการปวดมาก จนส่งผลต่อการเคลื่อนไหว
หัวเข่าบวมหลังจากเกิดอุบัติเหตุภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมง
รู้สึกเหมือนมีเสียงลั่นอยู่ภายในขา
ไม่สามารถเดินลงน้ำหนักได้เต็มที่
รู้สึกข้อเข่าหลวม หรือรู้สึกไม่มั่นคงขณะทำกิจกรรมต่างๆ
เอ็นไขว้หน้าขาดเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการเล่นกีฬา หรือเกิดจากอุบัติเหตุ เช่น สะดุดล้ม หกล้ม ก็อาจทำให้เอ็นฉีกขาดได้ โดยสามารถแบ่งสาเหตุหลักของการเกิดเอ็นไขว้หน้าขาดได้ ดังนี้
โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องออกแรงปะทะ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล จะมีความเสี่ยงของการเกิดเอ็นไขว้หน้าขาดได้ง่ายกว่ากีฬาทั่วไป เนื่องจากมีการใช้กล้ามเนื้อขาในการเคลื่อนไหว เมื่อเกิดการบิดหมุนของหัวเข่าที่รุนแรง หรือเกิดหกล้ม ก็อาจทำให้เกิดอาการเอ็นไขว้หน้าขาดได้
อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอด โดยอุบัติเหตุที่ทำให้เอ็นไขว้หน้าฉีกขาดนั้นมักมาจากอุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินแล้วหยุดกะทันหัน การเดินแล้วเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว การสะดุดล้ม ตกบันได หรือแม้แต่การเดินชนกัน ล้วนทำให้เกิดการกระแทกบริเวณหัวเข่าจนเอ็นฉีกขาดได้
อุบัติเหตุเอ็นไขว้หน้าขาดสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ทั้งนี้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจเกิดอาการเอ็นไขว้หน้าขาด มีดังนี้
นักกีฬาเป็นกลุ่มที่ต้องใช้แรงมากกว่าปกติ โดยเฉพาะผู้ที่เล่นกีฬาที่ต้องใช้แรงปะทะ เช่น นักกีฬาฟุตบอล นักกีฬาบาสเกตบอล จะมีความเสี่ยงเป็นเอ็นไขว้หน้าขาดมากกว่ากีฬาแบบอื่น เนื่องจากต้องออกแรงขาอยู่ตลอดเวลา
ผู้หญิงจะมีความเสี่ยงเป็นเอ็นไขว้หน้าขาดมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากสรีระร่างกายที่แตกต่างกัน ข้อเข่าของผู้หญิงจะมีมุมมากกว่า และมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อน้อยกว่าผู้ชาย
เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วรู้สึกเจ็บบริเวณหัวเข่า เข่าบวม ควรทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนเดินทางไปโรงพยาบาล ดังนี้
ให้ผู้ป่วยนอนอยู่กับที่ พยายามขยับให้น้อยที่สุด
ทำการประคบเย็นที่บริเวณหัวเข่า
หลังจากประคบเย็นสักพักจนรู้สึกดีขึ้น ให้ลองขยับหัวเข่า ลองงอเข่า และค่อยๆ เหยียดขา
สังเกตว่ามีอาการเจ็บบริเวณอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่
หากมีอาการเจ็บรุนแรง ให้ดามขาด้วยไม้พร้อมพันผ้ายึดไว้ให้แน่น
หากข้อเข่าผิดรูป บิดเบี้ยว งดการดัด หรืองอเข่าต่างๆ ด้วยตัวเอง
ให้รีบเดินทางไปโรงพยาบาลให้รวดเร็วที่สุด
สำหรับขั้นตอนการวินิจฉัยอาการเอ็นไขว้หน้าขาด แพทย์จะเริ่มสอบถามอาการ และทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม ดังนี้
สอบถามอาการโดยทั่วไป เช่น มีสาเหตุอะไรถึงทำให้ปวดเข่า เกิดอุบัติเหตุมาหรือไม่?
แพทย์จะทำการตรวจสอบบริเวณเข่าว่ามีอาการอักเสบมากน้อยขนาดไหน
ทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยการเอกซเรย์ หรือสแกนด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI)
แพทย์แจ้งผลการวินิจฉัยให้กับผู้ป่วย พร้อมเสนอแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
ในปัจจุบันมีวิธีการรักษาอาการเอ็นไขว้หน้าขาด 2 รูปแบบหลักๆ ดังนี้
โดยทั่วไปแล้ว อาการเอ็นไขว้หน้าขาดไม่สามารถรักษาหายได้ด้วยตัวเอง ต้องเข้ารับการผ่าตัดถึงจะสามารถหายขาดได้ ดังนั้น การรักษาแบบไม่ผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้สูงวัยที่ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวมาก โดยจะเป็นการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวเอง เช่น หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวเยอะ หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่ต้องใช้แรงขา เป็นต้น
วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ยังอายุน้อย หรือผู้ที่ต้องการให้ร่างกายกลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติ โดยศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องบริเวณข้อเข่า เพื่อเย็บซ่อมบริเวณเส้นเอ็นที่เสียหาย โดยจะมีบาดแผลเป็นรูเล็กๆ ที่สามารถสังเกตได้ประมาณ 2 - 3 รู
ทั้งนี้ วิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้องเป็นการรักษาที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเล็ก มีบาดแผลเพียงเล็กน้อย และใช้เวลาฟื้นตัวได้เร็ว ผู้ป่วยจะต้องใช้ไม้เท้าประคองหลังผ่าตัดเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จากนั้นอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
สำหรับวิธีป้องกันการเกิดภาวะเสี่ยงเอ็นไขว้หน้าขาด แนะนำให้ปฏิบัติ ดังนี้
เตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือร่างกายก่อนออกกำลังกายแนะนำให้ใส่สนับเข่าก่อน เพื่อประคองบริเวณหัวเข่า
เตรียมความพร้อมก่อนออกกำลังกายทุกครั้งแนะนำให้ยืดกล้ามเนื้อก่อน เพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย มีความยืดหยุ่น
ฝึกยืดกล้ามเนื้อ สร้างสมดุลของหัวเข่าอย่างสม่ำเสมอแนะนำให้ฝึกบริหารกล้ามเนื้อหัวเข่าด้วยการยืดตัว เช่น ฝึกงอเข่าข้างหนึ่ง จากนั้นเหยียดขาอีกข้างหนึ่ง แล้วจึงโน้มตัวไปข้างหลัง สลับกับข้างหน้า ยืดให้สุดจนรู้สึกตึงบริเวณด้านหลังต้นขาข้างที่เหยียด ควรฝึกยืดอย่างน้อย 5 - 7 วินาที จากนั้นทำซ้ำสลับข้างไปเรื่อยๆ อีก 6 - 10 ครั้ง
หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในวันที่ฝนตกหนักเพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ
ที่โรงพยาบาลวิภาวดีมีบริการการผ่าตัดรักษาอาการเอ็นไขว้หน้าขาดด้วยการส่องกล้อง ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงตลอดระยะเวลาการรักษา โดยเฉพาะการผ่าตัดส่องกล้องเอ็นไขว้หน้าข้อเข่า (Arthroscopic ACL Knee)
เพื่อให้การรักษาสามารถทำได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถนัดหมายได้อย่างสะดวกผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาลวิภาวดีและสามารถตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ที่นี่และสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์ประกันผู้ป่วย สามารถสอบถามค่าใช้จ่าย และค่าผ่าตัดประมาณการได้ที่แผนกผู้ป่วยในโทรศัพท์: 02-561-1111 ต่อ 4137,4139นอกจากนี้ยังมีช่องทางสำหรับการติดต่อของตัวแทนประกันชีวิตต่างๆ ทางLine ID: @vibhainsurance
อาการเอ็นไขว้หน้าขาด เป็นอาการที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เคลื่อนไหวได้ยาก เข่าไม่สามารถงอได้ ดังนั้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุบริเวณเข่าแล้วมีอาการเจ็บอย่างรุนแรง ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันที ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่า มีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง หรือรู้สึกปวดเข่าบ่อยเกินกว่าปกติ สามารถติดต่อทีมแพทย์เฉพาะทางด้านข้อเข่าที่โรงพยาบาลวิภาวดีเรามีทางเลือกที่หลากหลายในการรักษา
หรือใครอยากจะตรวจสุขภาพประจำปี ก็ลองดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพของทางโรงพยาบาลวิภาวดีได้เลย โดยสามารถเข้าไปเลือกซื้อแพ็กเกจที่เหมาะสม หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-561-1111
ทางโรงพยาบาลวิภาวดีได้รวบรวมคำถามที่เกี่ยวข้องกับอาการเอ็นไขว้หน้าขาดเอาไว้ให้แล้ว ดังนี้
ได้ ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการให้เข่ากลับมาใช้งานได้เหมือนปกติ แนะนำให้เข้ารับการผ่าตัดจะเหมาะสมกว่า เนื่องจากการผ่าตัดซ่อมเอ็นไขว้หน้าขาดเป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก เจ็บน้อยกว่าผ่าตัดใหญ่ และใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
อาการเอ็นไขว้หน้าขาดสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัดเท่านั้น ไม่สามารถรักษาหายได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากเป็นภาวะที่เอ็นฉีกขาดออกจากกัน
สามารถกลับมาเล่นกีฬาได้เหมือนปกติประมาณ 1 ปีหลังจากการผ่าตัดแก้ไขเอ็นไขว้หน้าขาดแล้ว ทั้งนี้ระยะเวลาการฟื้นฟูร่างกายก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยเช่นกัน
สามารถเดินได้ เพียงแต่จะมีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ทั้งนี้หากเกิดภาวะข้อเข่าเคลื่อนร่วมด้วย แนะนำให้เข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาจะดีที่สุด
เอ็นไขว้หน้าขาดสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ประมาณ 1 เดือน โดยที่ผู้ป่วยต้องใช้ไม้เท้าและสนับเข่า และหลังจากผ่าตัดอีก 3 เดือน จะสามารถเดินเร็วขึ้นได้ ทั้งนี้ระยะเวลาการหายขาดจะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย
สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่
02-561-1111
02-058-1111
แผนกศัลยกรรมและออร์โธปิดิกส์ เปิดทำการ 08.00 - 19.00 น. ทุกวัน
ติดต่อสอบถามนัดหมายได้ที่ 0-2561-1111 , 0-2058-1111 ต่อ 4142-3
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved