โรคไต ไตเสื่อมทำให้เกิดผลเสียต่ออวัยวะต่างๆ อย่างไร รวมถึงการป้องกันและการรักษา
โรคไต ไตเสื่อมทำให้เกิดผลเสียต่ออวัยวะต่างๆ อย่างไร รวมถึงการป้องกันและการรักษา
โรคไต การป้องกันและการรักษา
ไต
ไตมี 2 ข้าง อยู่บริเวณด้านหลัง ใต้ชายโครง บริเวณบั้นเอว มีรูปร่างคล้ายถั่วเหลือง ยาวประมาณ 12เซนติเมตร
- ไต ประกอบด้วยหลอดเลือดฝอยมากมาย เรียกว่า “หน่วยไต” (nephron)
- หน่วยไตจะลดจำนวน และเสื่อมสภาพตามอายุไข
ไตทำหน้าที่อะไร ?
- กำจัดของเสีย
- ดูดซึม และเก็บสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
- รักษาสมดุลน้ำของร่างกาย
- รักษาสมดุลเกลือแร่ของร่างกาย
- รักษาสมดุลกรดด่างของร่างกาย
- ควบคุมความดันโลหิต
- สร้างฮอร์โมน
1.กำจัดของเสีย ได้แก่ ยูเรีย ครีเอดินิน
- เมื่อร่างกายได้รับสารอาหาร จะย่อยสลาย นำส่วนที่เป็นประโยชน์ไปใช้ และปล่อยของเสียออกสู่กระแสเลือด ผ่านมายังไต และถูกขับออกมากับปัสสาวะ
- ขับยา และสารแปลกปลอมอื่น ๆ
2.ดูดซึม และเก็บสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายไว้
- สารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย จะถูกดูดกลับโดยเซลล์ของหน่วยไตเช่น น้ำ ฟอสเฟด โปรตีน
3.รักษาสมดุลน้ำของร่างกาย
- ถ้าน้ำมีมากเกินความต้องการของร่างกาย ไตจะทำหน้าที่ขับน้ำออกมาทางปัสสาวะ
- ถ้าอยู่ในภาวะขาดน้ำ ไตจะพยายามสงวนน้ำไว้ให้ร่างกาย ปัสสาวะจะมีปริมาณน้อยและเข้มข้น
4.รักษาสมดุลเกลือแร่ของร่างกาย
- ไตที่ปกติจะขับเกลือส่วนเกินได้เสมอ แม้จะรับประทานรสเค็มจัด
- แต่ถ้าเสื่อมสมรรถภาพ ผู้ป่วยจะมีอาการบวมถ้ารับประทานเกลือมากเกินไป
5.รักษาสมดุลกรดด่างของร่างกาย
- ร่างกายจะผลิตกรดทุกวัน จากการเผาผลาญอาหารโปรตีน
- ถ้าไตทำหน้าที่ปกติ จะไม่มีกรดคั่ง
- ถ้าไตเสื่อมสมรรถภาพ ร่างกายจะมีปัสสาวะเป็นกรด
6.ควบคุมความดันโลหิต
- ความดันโลหิตสูง เกิดจากความผิดปกติในการควบคุมสมดุลน้ำ และเกลือ รวมถึงสารบางชนิด
- ผู้ป่วยโรคไต จึงมักมีความดันโลหิตสูง เพราะไตถูกกระตุ้นให้สร้างสารที่ทำให้ความดันสูง
- ถ้าความดันโลหิตสูงมาก ทำให้หัวใจทำงานหนัก หรืออาจเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ หรือ แตก เป็นอัมพฤกษ์ และอัมพาตได้
7.สร้างฮอร์โมน
- ไต ปกติสามารถสร้างฮอร์โมนได้หลายชนิด
- ถ้าเป็นโรคไต การสร้างฮอร์โมนจะบกพร่องไป
ตัวอย่างฮอร์โมนที่สร้างจากไต
- ฮอร์โมนเออริโธรพอยอิติน ( erythropoietin) ทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือดแดง ดังนั้นผู้ป่วยจะมี อาการซีด อ่อนเพลีย ไม่มีแรง หัวใจทำงานหนัก วิงเวียน หน้ามืด เหนื่อย ใจสั่น เป็นลมบ่อย
- วิตามินดีชนิด calcitriol ทำหน้าที่ช่วยควบคุมการดูดซึมแคลเซี่ยม ซึ่งการที่วิตามีนดี และแคลเซี่ยมในเลือดต่ำ ทำให้ต่อมพาราธัยรอยด์หลั่งฮอร์โมนมากกว่าปกติ เป็นผลเสียต่ออวัยวะหลายอย่างในร่างกาย โดยเฉพาะกระดูก ทำให้ไม่แข็งแรง
ไตเสื่อมทำให้เกิดผลเสียต่ออวัยวะต่าง ๆ
ใครมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรค ไต
- อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ไต จะเริ่มเสื่อม
- ความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจ เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคเบาหวาน
- โรคเก๊าท์
- โรคไตอักเสบชนิดต่าง ๆ เช่น โรคไตอักเสบตั้งแต่วัยเด็ก ไตอักเสบ เอส-แอล –อี โรคไตเป็นถุงน้ำ นิ่ว เนื้องอก หลอดเลือดฝอยอักเสบ
- มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคไต
- โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบจากการติดเชื้อ
- ใช้ยาแก้ปวด หรือสัมผัสสารเคมีบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคไต
อาการแสดงเมื่อเป็นโรคไต
- หนังตา ใบหน้า เท้า ขา และลำตัวบวม
- ปัสสาวะผิดปกติ เช่น ขุ่น เป็นฟอง เป็นเลือด สีชาแก่ / น้ำล้างเนื้อ
- การถ่ายปัสสาวะผิดปกติเช่น บ่อย แสบ ขัด ปริมาณน้อย
- ปวดหลัง คลำได้ก้อน บริเวณไต
- ความดันโลหิตสูง
- ซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง ไม่กระฉับกระเฉง
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน
- เบื่ออาหาร การรับรสอาหารเปลี่ยนไป
- ปวดศีรษะ นอนหลับไม่สนิท
อาการสังเกตเมื่อไตเสื่อม
ไตเริ่มเสื่อม
- อาการบวม
- ซีด
- อ่อนเพลีย
- เหนื่อยง่าย
- ความดันโลหิตสูง
ไตวายเรื้อรัง
- ซีดมากขึ้น
- เบื่ออาหาร
- คันตามตัว
อาการสังเกตเมื่อไตเสื่อม
- อาการบวมที่หน้า และหนังตา
- อาการบวมที่ขา
- อาการบวมที่เท้า
- ปัสสาวะเป็นเลือด
โรคไตวาย
ไตวายเฉียบพลัน
- ไตเสื่อมอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเป็นวัน หรือสับดาห์ มักมีอาการมากกว่าแบบเรื้อรัง อัตราการเสียชีวิตสูง ถ้าพ้นอันตราย ไตมักจะเป็นปกติได้
โรคไตวายเรื้อรัง
- เนื้อไตถูกทำลายอย่างถาวร ทำให้ไตค่อย ๆ ฝ่อเล็กลง แม้อาการจะสงบ แต่ไตจะค่อย ๆ เสื่อม และเข้าสู่ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในที่สุด
สาเหตุของโรคไตวายเรื้อรัง
ปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยด้วยโรคไต เข้าสู่โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย มีสาเหตุจาก
- อันดับหนึ่ง โรคเบาหวาน
- อันดับสอง ความดันโลหิตสูง และ โรคหลอดเลือดฝอยไตอักเสบ เช่น โรค เอส- แอล – อี
- สาเหตุอื่นๆ ได้แก่
- โรคนิ่วในไต
- โรคไตอักเสบเรื้อรังจากการติดเชื้อ
- โรคเก๊าท์
- โรคไตจากการกินยาแก้ปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ
- โรคถุงน้ำในไตที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
สาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้ มักทำให้เกิดโรคกับไตทั้ง 2 ข้างพร้อม ๆ กัน
ข้อเขียนโดย ศจ.พญ.ลีนา องอาจยุทธ
สาขาวิชาวักกะวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล นายกสมาคมโรคไต แห่งประเทศไทย