การทำ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) เป็นการนำเทคโนโลยี ช่วยให้การเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ที่ช่วยให้คุณพ่อ คุณแม่ ที่มีภาวะมีบุตรยากให้สมหวังและมีบุตรยากให้สมหวังได้ตามที่ต้องการ โดยการทำ ICSI ซึ่งเป็นวิธีที่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงกว่าการทำวิธีอื่นๆ
ซึ่งขั้นตอนการทำ ICSI นี้จะเป็นทำการปฏิสนธินอกร่างกาย ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) แต่ให้ผลลัพธ์ และเปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จได้สูงกว่ามาก เนื่องจากการทำ ICSI จะเป็นการช่วยทำการปฏิสนธิให้เลย โดยการฉีดอสุจิ ของฝ่ายชาย เพียง 1 ตัว เข้าไปในเซลล์ไข่ 1 ใบ โดยผ่านเข็มที่มีขนาดเล็กมาก จึงเพิ่มอัตราความเป็นไปได้และผลลัพธ์ที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้สูงมาก
แต่การทำแบบ IVF จะเป็นการนำไข่ของฝ่ายหญิงและนำน้ำเชื้ออสุจิจากฝ่ายชายมาผสมกัน แล้วปล่อยให้เกิดการปฏิสนธิกันเองตามธรรมชาติจนกลายเป็นตัวอ่อน แล้วจึงนำตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูก
โดยต้องตรวจความพร้อมของร่างกายในช่วงวันที่ 2-3 ของรอบเดือน โดยต้องมีการตรวจอัลตร้าซาวด์ เพื่อดูจำนวนฟองไข่ก่อนและตรวจระดับฮอร์โมนในร่างกายว่าเหมาะสมในการทำ ICSI หรือเปล่า
ถ้าสามารถทำได้จะเข้าสู่กระบวนการต่อไป คือการกระตุ้นรังไข่ เพื่อให้ได้ฟองไข่ที่มีขนาดใหญ่และเหมาะสมและพร้อมกันหลายๆ ใบ โดยการฉีดยากระตุ้นไข่ ซึ่งการฉีดยาต้องฉีดติดต่อกันประมาณ 8 - 12 วัน
และระหว่างการฉีดยากระตุ้นไข่ จะมีการตรวจติดตามการเจริญเติบโตของฟองไข่ โดยการตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวน์ ร่วมกับการตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนทุก 3 - 4 วัน เมื่อขนาดของถุงไข่โตเต็มที่แล้ว แพทย์จะฉีดยาฮอร์โมนเพื่อทำให้ไข่เจริญสมบูรณ์เต็มที่ก่อนจะมีการเก็บไข่
หลังจากฉีดยากระตุ้นไข่ ให้ได้ฟองโตสมบูรณ์แล้ว จะมีการเจาะเก็บไข่ไว้ภายใน 35 -36 ชั่วโมงผ่านทางช่องคลอด โดยใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ในการบอกตำแหน่ง โดยทำในห้องผ่าตัด
และไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งฝ่ายหญิงต้อง งดน้ำ งดอาหาร ก่อนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เมื่อได้เซลล์ไข่จะนำมาเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการ เพื่อนำไปปฏิสนธิกับอสุจิของฝ่ายชายในขั้นตอนต่อไป
สำหรับฝ่ายชายจะมีการเก็บอสุจิ และคัดกรองเลือกตัวที่สมบูรณ์และแข็งแรง แล้วนำมาปฏิสนธิกับไข่ในห้องปฏิบัติการ โดยการนำสเปิร์ม 1 ตัว ฉีดเข้าไปในไข่ที่สมบูรณ์ 1 ใบ เพื่อให้ทำการปฏิสนธิเช่นนี้ในไข่ที่สมบูรณ์ที่เลือกไว้จนครบ
โดยใช้เครื่องมือและกล้องภายในห้องปฏิบัติการ กรณีที่ฝ่ายชายทำหมัน หรือไม่สามารถเก็บได้ อาจจะต้องใช้วิธีการผ่าตัดเพื่อนำอสุจิออกมา ทำการปฏิสนธิต่อไป
เมื่อได้ตัวอ่อนที่ปฏิสนธิแล้วต้องเพาะเลี้ยง โดยใช้เวลาประมาณ 3 - 5 วัน ในห้องปฏิบัติการเฉพาะที่ปลอดเชื้อ ที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ความสว่าง แสง แรงดัน และความชื้นด้วย รวมถึงความเป็นกรด ด่าง
และก๊าซในปริมาณที่เหมาะสม โดยเป็นขบวนการเลี้ยงตัวอ่อนที่เลียนแบบให้ใกล้เคียงกับสภาวะภายในร่างกายคนมากที่สุด จนถึงระยะบลาสโตซีสท์ (Blastocyst) เป็นเวลา 5 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ตัวอ่อนแข็งแรง แล้วจึงค่อยนำกลับใส่เข้าไปที่โพรงมดลูกของฝ่ายหญิง
การย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูกมี 2 แบบคือ รอบสด กับรอบแช่แข็ง
ซึ่งการเลือกว่าจะใช้แบบไหน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยดูจากความเหมาะสมจากสภาวะของฮอร์โมนและโพรงมดลูกของผู้หญิง ในตอนที่กระตุ้นไข่ว่าจะสามารถใส่ตัวอ่อนกลับไปได้เลยหรือไม่
แต่หากต้องการตรวจโครโมโซมของตัวอ่อนก่อนจะต้องใช้วิธีแช่แข็งตัวอ่อนระหว่างรอผลการตรวจโครโมโซม
หลังจากใส่ตัวอ่อนไปแล้วเป็นเวลา 7 - 10 วัน แพทย์ก็จะนัดให้มาตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมนของการตั้งครรภ์ และมีการตรวจติดตาม จนตัวอ่อนมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะสามารถตรวจดูด้วยอัลตร้าซาวด์ได้เมื่ออายุของครรภ์มากขึ้น
สอบถามรายละเอียด ปรึกษาคลีนิกผู้มีบุตรยาก รพ.วิภาวดี ได้ทุกวัน (08.30 – 20.00 น.)
โทร. 0-2561-1111 กด 1255
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved