กระดูกหัก

  • กระดูกหัก คือภาวะที่กระดูกมีการแตกหรือหัก ซึ่งบริเวณที่มีการแตกหักจะเป็นรอย ลักษณะการแตกหรือหักอาจจะแยกออกจากกันหรือไม่ก็ได้เช่นกัน
  • อาการกระดูกหัก ได้แก่ มีอาการปวดรุนแรง บวมแดง เคลื่อนไหวไม่ได้ ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบ รู้สึกชาหรือรู้สึกเสียวเมื่อขยับตัว และอาจมีแผลเปิดหรือแผลกระดูกทะลุ
  • กระดูกหักส่วนมากมักเกิดจากอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการกระแทก โดยแบ่งออกเป็นทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้อาจเกิดจากโรคอื่นๆ ที่ทำให้กระดูกบอบบางลงก็ได้เช่นกัน
  • รักษากระดูกหัก ทำได้ด้วยวิธีการไม่ผ่าตัด เช่น การดามกระดูก ใส่เฝือก ดึงกระดูก ทำกายภาพบำบัดฟื้นฟู เป็นต้น หรือรักษาด้วยวิธีผ่าตัดในกรณีที่กระดูกเคลื่อนที่ออกจากกัน หรือกระดูกหักอย่างรุนแรง

กระดูกหักเป็นอาการบาดเจ็บที่ไม่ควรปล่อยปละละเลย เพราะหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจเสี่ยงต่อการพิการหรือผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ ซึ่งอาการกระดูกหักเป็นอย่างไร เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง และมีวิธีรักษาอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ!

กระดูกหัก คืออะไร

กระดูกหัก คืออะไร

กระดูกหัก หรือ Bone Fractures คือภาวะที่กระดูกมีการแตกหรือหัก ซึ่งบริเวณที่มีการแตกหักจะเป็นรอย ลักษณะการแตกหรือหักอาจจะแยกออกจากกันหรือไม่ก็ได้เช่นกัน ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจมีอาการกระดูกแตกออกจากกันหลายชิ้น โดยขึ้นอยู่กับสาเหตุของการแตกหักของกระดูก

หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาการกระดูกหักนั้นอันตรายกว่าที่คิด อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พิการหรือบางกรณีที่รุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ จากการบาดเจ็บที่อวัยวะสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกระดูกหัก

สังเกตอาการกระดูกหักได้อย่างไร

มาดูวิธีการสังเกตอาการกระดูกหัก สัญญาณอันตรายที่หากรู้สึกว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ทันที

  • มีอาการปวดรุนแรงเป็นอาการที่บ่งบอกถึงการบาดเจ็บอย่างชัดเจน ผู้ป่วยกระดูกหักจะปวดมากจนไม่สามารถขยับส่วนที่บาดเจ็บได้

  • อาการบวมบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บจะมีอาการบวมแดง เกิดจากการอักเสบและเลือดออกภายใน

  • อวัยวะผิดรูปเช่น แขน ขา งอ เบี้ยว หรือสั้นลง

  • เคลื่อนไหวไม่ได้หรือเคลื่อนไหวติดขัด รวมไปถึงการเคลื่อนไหวแล้วเจ็บปวดมาก

  • ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบเมื่อขยับส่วนที่บาดเจ็บอาจได้ยินเสียงกระดูกเสียดสีกัน

  • ชาหรือรู้สึกเสียวโดยเฉพาะบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเส้นประสาทถูกกดทับ

  • แผลเปิดหรือแผลกระดูกทะลุโดยในบางกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรง อาจทำให้กระดูกหักและแยกออกจากกัน จนกระดูกบางส่วนทะลุออกมาได้ ควรรีบรักษาโดยด่วนเพราะเสี่ยงเป็นแผลติดเชื้อ

สาเหตุกระดูกหักเกิดจากอะไรได้บ้าง

สาเหตุกระดูกหักเกิดจากอะไรได้บ้าง

สาเหตุของกระดูกหัก เกิดได้จากอุบัติเหตุที่ส่งผลให้เกิดการกระแทกบริเวณกระดูกทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือในบางกรณีอาจเกิดจากโรคที่ส่งผลให้กระดูกบอบบางหรือมีความผิดปกติร่วมกับการเกิดอุบัติเหตุก็ได้ มาดูว่าสาเหตุกระดูกหักเกิดจากอะไรได้บ้าง ดังนี้

  • กระดูกหักจากการกระแทกทางตรง (Direct Force)คือแรงกระแทกที่ส่งผลต่อกระดูกที่หักโดยตรง เช่น การปะทะ การถูกตี การถูกชน เป็นต้น

  • กระดูกหักจากการกระแทกทางอ้อม (Indirect Force)คือแรงกระแทกที่ส่งผลต่อกระดูกหนึ่ง แล้วแรงกระทบยังส่งผลมายังกระดูกบริเวณใกล้เคียง เช่น การงัดข้อแล้วกระดูกต้นแขนหัก

  • โรคหรืออาการอื่นๆที่ส่งผลให้กระดูกมีความบอบบาง หากได้รับแรงกระแทกหรือกระทบเบาๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการกระดูกหักได้ง่ายกว่าปกติ เช่น โรคกระดูกพรุน เนื้องอกในกระดูก เป็นต้น

กระดูกหักแบ่งออกได้กี่รูปแบบ

โดยทั่วไป แพทย์จะจำแนกประเภทของกระดูกหัก เพื่อให้ระบุอาการและแนวทางการรักษากระดูกหักได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

  1. กระดูกหักแบบไม่มีแผลเปิด (Closed Fracture)เป็นลักษณะของกระดูกหักโดยที่ผิวหนังยังคงสมบูรณ์ ไม่มีแผลเปิดให้เห็นภายนอก มักเกิดจากการกระแทกหรือแรงบิดที่กระทำต่อกระดูกโดยตรง เช่น การหกล้ม การถูกของหนักตกใส่ หรืออุบัติเหตุทางรถยนต์

  2. กระดูกหักแบบมีแผลเปิด (Open Fracture)เป็นลักษณะของกระดูกหักโดยที่มีกระดูกทะลุผิวหนังออกมา ทำให้เกิดแผลเปิดและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มักเกิดจากการบาดเจ็บที่รุนแรง เช่น การถูกของมีคมบาด การถูกกระแทกด้วยแรงมาก หรืออุบัติเหตุที่ทำให้กระดูกแหลมทะลุผิวหนัง

นอกจากการจำแนกกระดูกหัก 2 ประเภทข้างต้นแล้ว ยังมีรูปแบบกระดูกหักอื่นๆ ที่แบ่งออกตามลักษณะหรือรูปแบบของการหักเพิ่มเติมอีกด้วย ดังนี้

  1. กระดูกหักแบบทั่วไป (Simple Fracture)คืออาการกระดูกหักออกเป็นสองชิ้น มักเกิดจากการหกล้ม และอุบัติเหตุทั่วไป

  2. กระดูกยุบตัว (Compression Fracture)คืออาการที่กระดูกยุบตัวเพราะได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง มักพบบริเวณกระดูกสันหลัง และพบมากในกลุ่มผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน

  3. กระดูกแตกเป็นชิ้นเล็กๆ (Comminuted Fracture)คืออาการกระดูกหักมากกว่า 3 ชิ้นขึ้นไป มักพบในผู้ป่วยที่เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรง เช่น ตกตึก ตกจากที่สูงมาก หรืออุบัติเหตุรถชน

  4. กระดูกหักแบบเกลียว (Spiral Fracture)คืออาการกระดูกหักในรูปแบบบิดหรืองอเป็นเกลียว มักพบในอุบัติเหตุที่มีแรงบิดสูงมากๆ

  5. กระดูกเดาะ (Greenstick Fracture)คืออาการกระดูกหักเพียงข้างเดียว โดยอีกข้างยังคงเป็นปกติ หรืออาจโค้งงอไปตามแรงกระแทก พบมากในเด็ก เพราะกระดูกของเด็กมีความยืดหยุ่นมากกว่ากระดูกผู้ใหญ่

  6. ปุ่มกระดูกหัก (Avulsion Fracture)คืออาการปุ่มกระดูกหรือปมกระดูกที่ยึดติดกระดูกนั้นหลุดออกไป มักพบบริเวณหัวไหล่ ศอก หัวเข่า หรือข้อเท้า มีสาเหตุมาจากการถูกดึงหรือกระชากอย่างรุนแรง

  7. กระดูกหักแบบแนวขวาง (Transverse Fracture)คืออาการกระดูกหักในแนวขวาง ส่วนมากมักเกิดจากการกระแทกในแนวตั้งฉาก

  8. กระดูกหักแบบเฉียง (Oblique Fracture)คืออาการกระดูกหักในแนวตั้งเฉียงหรือในแนวลาดลง ส่วนมากมักเกิดจากการกระแทกในแนวเฉียง

  9. กระดูกหักแบบยุบเข้าหากัน (Impacted Fracture)คืออาการกระดูกหักที่เกิดจากการแตกหรือยุบของกระดูกทั้งสองฝั่ง มักเกิดจากการตกจากที่สูง หรืออุบัติเหตุที่ส่งผลให้เกิดการกระแทกแรงมากๆ

  10. กระดูกหักจากความเครียด (Stress Fracture)คืออาการกระดูกหักที่เกิดจากการใช้งานอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งอย่างหนักเป็นเวลานานและเป็นประจำ ทำให้กระดูกเกิดการเสื่อมสภาพสะสมจนเกิดเป็นรอยร้าวเล็กๆ เมื่อฝืนใช้งานต่อไปจึงทำให้กระดูกหักได้ในที่สุด มักพบในกลุ่มนักกีฬา เช่น นักวิ่ง นักแบดมินตัน นักเทนนิส เป็นต้น

  11. กระดูกหักจากโรคหรือความผิดปกติอื่นๆ (Pathologic Fracture)คืออาการกระดูกหักที่เกิดจากโรคหรืออาการอื่นๆ เช่น กระดูกพรุน มะเร็งกระดูก รวมถึงโรคที่ทำให้มวลกระดูกลดลงอีกมากมาย

คนกลุ่มไหนที่เสี่ยงกระดูกหักบ้าง?

คนกลุ่มไหนที่เสี่ยงกระดูกหักบ้าง?

อย่างที่ได้ทราบกันข้างต้นแล้วว่ากระดูกหักมักเกิดจากอุบัติเหตุ แต่กลุ่มเสี่ยงบางประเภทนั้นมีโอกาสกระดูกหักมากกว่ากลุ่มคนทั่วไป โดยผู้ที่มีความเสี่ยงกระดูกหักได้ง่าย มีดังนี้

  • ผู้สูงอายุเมื่ออายุมากขึ้น ความหนาแน่นในกระดูกก็ลดลง และกลุ่มผู้สูงอายุยังมีโอกาสเป็นกระดูกพรุนอีกด้วย ปัจจัยเหล่านี้ต่างก็ทำให้กระดูกหักในผู้สูงอายุได้ง่าย แม้จะเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยอย่างการหกล้มก็ตาม

  • เด็กเด็กที่ยังไม่โตเต็มวัยเป็นกลุ่มที่กระดูกยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ยังมีความบอบบางอยู่มาก ทำให้มีโอกาสกระดูกหักได้ง่ายแม้ในการทำกิจกรรมประจำวัน หรือการเล่นซนทั่วไป

  • นักกีฬานักกีฬาบางกลุ่มมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการปะทะสูง เช่น นักฟุตบอล นักบาสเก็ตบอล เป็นต้น การปะทะนี้เองที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการกระดูกหักได้ นอกจากนี้ นักกีฬาที่มีการใช้งานอวัยวะบางส่วนในร่างกายสะสมเป็นเวลานานอย่างนักวิ่ง ก็เสี่ยงกระดูกหักจากความเครียดได้เช่นกัน

  • ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุนเป็นกลุ่มที่กระดูกสูญเสียแคลเซียมและแร่ธาตุ ทำให้กระดูกบางลง แตกหักง่ายแม้จะเกิดการกระแทกที่ไม่รุนแรงก็ตาม

  • ผู้ที่หกล้มบ่อยๆโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงวัยที่หกล้มบ่อยๆ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว การล้มบ่อยๆ

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อกระดูกหัก

หากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้กระดูกหัก มีหลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ควรรู้ ดังนี้

  • ห้ามจัดหรือดึงกระดูกให้เข้าที่ด้วยตัวเอง

  • หากต้องถูกเสื้อผ้าออก แนะนำให้ตัดตามตะเข็บแทนการถอดทั่วไป

  • ประคบเย็นบริเวณที่บาดเจ็บหรือสงสัยว่ากระดูกหักเบาๆ ด้วยถุงใส่น้ำแข็ง หรือผ้าที่ห่อน้ำแข็ง

  • เคลื่อนย้ายผู้ป่วยกระดูกหักให้ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยอย่างช้าๆ และพยายามไม่เปลี่ยนท่าของผู้ป่วย เพราะอาจทำให้เสี่ยงกระดูกหักรุนแรงขึ้นได้

  • หาวัสดุมาหนุนหรือประคองผู้ป่วยให้อยู่นิ่งและอยู่ในท่าที่สบายที่สุด แนะนำให้ใช้ไม้ยาวและผ้ามาทำเป็นไม้ดามแบบชั่วคราว

  • รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

ขั้นตอนการวินิจฉัยอาการกระดูกหัก

ขั้นตอนการวินิจฉัยอาการกระดูกหัก

เมื่อเข้ามารักษากระดูกหัก แพทย์จะมีการวินิจฉัยอาการกระดูกหักตามขั้นตอน ดังนี้

1. การซักประวัติแพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น เช่น ตำแหน่งที่เจ็บ ปวดมากน้อยแค่ไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร มีอาการบวม ชา หรือรู้สึกเสียวหรือไม่ รวมถึงประวัติการเจ็บป่วยและการใช้ยาในปัจจุบัน

2. การตรวจร่างกายโดยเน้นไปที่บริเวณที่สงสัยว่ามีการบาดเจ็บ เพื่อประเมินความรุนแรงของอาการ เช่น ตรวจสอบความผิดปกติของรูปร่างกระดูก การบวม การอักเสบ และความเจ็บปวดเมื่อเคลื่อนไหว

3. การตรวจเอกซเรย์เพื่อแสดงให้เห็นภาพของกระดูกอย่างชัดเจน ทำให้แพทย์ระบุตำแหน่งและลักษณะของการหักได้

4. การตรวจเพิ่มเติม (ถ้าจำเป็น)ในบางกรณี แพทย์อาจสั่งตรวจเพิ่มเติม เช่น CT Scan, MRI, อัลตราซาวด์ และ สแกนกระดูก

5. การวินิจฉัยแยกโรคแพทย์อาจทำการวินิจฉัยแยกโรคเพื่อแยกแยะอาการกระดูกหักออกจากโรคอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายคลึงกัน เช่น ข้อเคลื่อน หรือการอักเสบของข้อต่อ

วิธีรักษาอาการกระดูกหัก

วิธีรักษาอาการกระดูกหัก

วิธีรักษาอาการกระดูกหักแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

การรักษากระดูกหักแบบไม่ผ่าตัด ทำได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับอาการและจุดประสงค์ของการรักษา ดังนี้

  • การดามกระดูก (Splinting)นิยมใช้ในกรณีที่มีอาการไม่รุนแรงมาก ใช้เพื่อลดอาการเจ็บปวด และช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างเหมาะสมจนกว่ากระดูกจะกลับมาต่อกันดี

  • การใส่เฝือก (Casting)เพื่อล็อกและยึดกระดูกให้ติดกันแน่นระหว่างฟื้นตัว โดยระยะการใส่เฝือกจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของกระดูกที่หัก และระดับความรุนแรงของอาการ

  • การดึงกระดูก (Traction)ใช้ในกรณีที่กระดูกมีการเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งเดิม มักใช้เมื่อมีอาการกระดูกแตกบริเวณกระดูกสันหลังและสะโพก

  • การทำกายภาพบำบัดฟื้นฟู (Rehabilitation)เป็นขั้นตอนหลังจากการรักษากระดูกหักขั้นพื้นฐานเสร็จแล้ว การทำกายภาพบำบัดจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงบริเวณกล้ามเนื้อ และฟื้นฟูการเคลื่อนไหวให้กลับมาเป็นปกติ

การรักษาด้วยการผ่าตัด

การรักษาอาการกระดูกหักด้วยการผ่าตัด นิยมใช้เมื่อกระดูกหักแบบเคลื่อนที่ออกจากกัน หรือกระดูกหักบริเวณข้อต่อ โดยจะผ่าตัดเพื่อติดอุปกรณ์ตรึงกระดูก ยึดกระดูกให้เข้ากันเหมือนเดิม โดยมีอุปกรณ์ยึดที่นิยมใช้ ดังนี้

  • เหล็กแกน (Nail)นิยมใช้บริเวณส่วนกลางของกระดูก เช่น ต้นขา ขาท่อนล่าง ต้นแขน

  • เหล็กแผ่นเป็นรูและใส่สกรูยึด (Plate and Screw)ใช้หลังการจัดกระดูกเพื่อยึดกระดูกให้อยู่กับที่

  • โครงเหล็กยึดกระดูกภายนอก (External Fixator)ใช้เจาะเข้าไปในกระดูก โดยห่างจากกระดูกที่หักทั้ง 2 ด้าน แล้วจึงดึงกระดูกให้เข้าที่และประกอบโครงจากภายนอกเพื่อยึดกระดูกให้อยู่กับที่ มักใช้ในกรณีที่มีแผลเปิดเท่านั้น

การรักษากระดูกหักที่โรงพยาบาลวิภาวดี

หากเกิดอุบัติเหตุแล้วสังเกตเห็นอาการกระดูกหัก แนะนำให้รีบเข้ามาตรวจร่างกายก่อนสายเกินแก้ได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดีที่นี่มีทีมแพทย์ศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย ให้คำปรึกษา พร้อมเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ มาพร้อมกับเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย และโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

สรุป

กระดูกหักคือภาวะที่กระดูกแตกหรือหัก ซึ่งอาจแยกออกจากกันหรือไม่ก็ได้ มักเกิดจากอุบัติเหตุ รวมทั้งจากโรคอื่นๆ ที่ทำให้กระดูกอ่อนแอ ผู้ป่วยกระดูกหักมักมีอาการปวดรุนแรง บวมแดง เคลื่อนไหวไม่ได้ ได้ยินเสียงดังกรอบแกรบ รู้สึกชาหรือรู้สึกเสียวเมื่อขยับตัว และอาจมีแผลเปิดหรือแผลกระดูกทะลุร่วมด้วย มีแนวทางการรักษาอาการกระดูกหักทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการและการวินิจฉัยของแพทย์

หากประสบอุบัติเหตุหรือมีอาการส่อให้เกิดข้อสงสัยว่ากระดูกหัก แนะนำเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลวิภาวดีที่นี่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา วินิจฉัย และรักษา พร้อมทั้งดูแลอาการอย่างใกล้ชิด มั่นใจได้ในผลลัพธ์หลังการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

FAQ

บทความนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการกระดูกหัก พร้อมคำตอบจากแพทย์มาคลายข้อสงสัยเพิ่มเติม ดังนี้

เมื่อกระดูกหัก ต้องกังวลเรื่องอะไรบ้าง?

ควรกังวลว่ากระดูกที่หักจะไปทิ่มอวัยวะภายในร่างกายจนเกิดการบาดเจ็บเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น ซี่โครงหักไปทิ่มปอด กระดูกหักทิ่มเส้นเลือด เป็นต้น และควรกังวลเกี่ยวกับการรักษาแบบผิดวิธีจนทำให้เกิดกระดูกผิดรูปด้วยเช่นกัน

เมื่อกระดูกหัก ไม่ควรทำสิ่งใด?

เมื่อกระดูกหัก ข้อห้ามที่ควรจำให้ขึ้นใจเลยคือ ไม่ควรเคลื่อนย้ายผู้ป่วยถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เพราะปลายของกระดูกที่หักอาจไปทิ่มอวัยวะส่วนอื่นๆ จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติมได้

ควรทำอย่างไรให้กระดูกหักหายเร็วขึ้น?

หลังจากรักษากระดูกหักแล้ว หากอยากให้หายเร็วขึ้น ควรทำตามคำแนะนำ ดังนี้

  • เลือกกินอาหารที่มีแคลเซียมและโปรตีนสูง

  • ควรออกไปรับแสงแดดและวิตามินดี

  • ควรเข้ารับการรักษาและดูอาการจากแพทย์เฉพาะทาง

กระดูกหักส่วนไหนที่พบบ่อย?

กระดูกหักมักพบบ่อยบริเวณกระดูกแขน และกระดูกขา เพราะเป็นบริเวณที่จะได้รับแรงกระแทกเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111

แผนกศัลยกรรมและออร์โธปิดิกส์ เปิดทำการ 08.00 - 19.00 น. ทุกวัน
ติดต่อสอบถามนัดหมายได้ที่ 0-2561-1111 , 0-2058-1111 ต่อ 4142-3