- 10 โรคในเด็กที่พบได้บ่อย มักป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย หรือเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย ซึ่งเด็กจะมีภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรง คุณพ่อคุณแม่จึงควรระวังและสังเกตอาการของเด็กอย่างสม่ำเสมอ
- การเลือกคลินิกสุขภาพเด็กที่ดีและเหมาะสม ช่วยในการดูแลและส่งเสริมสุขภาพของลูกน้อยในระยะยาว รวมถึงลดความกังวลของคุณพ่อคุณแม่ในด้านสุขภาพของลูกได้
- เด็กควรได้รับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ แบ่งเป็นช่วงวัยตั้งแต่หลังคลอด 0 - 7 วัน เด็กอายุ 1 เดือน - 5 ปี เด็กอายุ 5 - 15 ปี และควรปรึกษาแพทย์เมื่อเด็กมีอาการผิดปกติ
- ขั้นตอนการตรวจสุขภาพเด็กเริ่มตั้งแต่การตรวจร่างกายทั่วไป ตรวจสายตาและหู ตรวจประสาท ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจช่องปาก และให้วัคซีนป้องกันโรคตามความเหมาะสม
สำหรับผู้ปกครองแล้ว การดูแลสุขภาพและพัฒนาการของเด็กถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันชีวิต เติบโตได้อย่างแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งนอกจากการดูแลเอาใจใส่แล้ว การให้ลูกน้อยได้รับการดูแลโดยคลินิกสุขภาพเด็กก็เป็นอีกทางหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้เด็กได้เติบโตและมีพัฒนาการที่สมวัย
จะพาไปดูความสำคัญในการพาลูกน้อยไปคลินิกสุขภาพเด็ก ช่วงวัยของเด็กที่ควรตรวจสุขภาพ รวมถึงขั้นตอนการตรวจสุขภาพ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าคลินิก
/Vibhavadi%20-%20Dec%205%20(%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%20%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81)%20(1).jpg)
รู้จัก 10 โรคในเด็กที่ควรระวังไว้!
ในช่วงที่ลูกน้อยกำลังเติบโต และภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงเต็มที่ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องรับมือเรื่องอาการป่วยของลูกน้อยอยู่บ่อยครั้ง มาดูว่า 10 โรคในเด็กที่พบได้บ่อยและควรระวังไว้มีอะไรกันบ้าง
- โรคไข้หวัดในเด็กเด็กๆ ป่วยเป็นไข้หวัดกันได้บ่อยๆ เพราะไข้หวัดเกิดจากไวรัสที่มีมากกว่า 200 สายพันธุ์ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงไม่ให้ป่วยเป็นไข้หวัดจึงเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะในฤดูฝนและฤดูหนาวจะยิ่งมีโอกาสป่วยโรคนี้มากขึ้น จึงควรให้ลูกน้อยป้องกันตัวเองโดยการล้างมือบ่อยๆ และไม่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นไข้หวัด หรือหากลูกมีอาการป่วยเป็นไข้หวัดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาร่างกายลูกน้อยให้อบอุ่นไว้
- โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นในฤดูหนาว โดยเด็กๆ จะมีอาการเป็นไข้ น้ำมูกไหล อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว และใช้เวลาพักฟื้นนานเป็นสัปดาห์ ไข้หวัดใหญ่นั้นสามารถกลายพันธุ์ได้ทุกปี จึงแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกๆ ปี เพื่อให้ทันต่อการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
- โรคมือ เท้า ปากเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส พบได้บ่อยในเด็กทารกถึงเด็กเล็ก และมักพบในช่วงฤดูฝนที่ไวรัสแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็สร้างความไม่สบายตัวให้กับลูกน้อยอย่างมาก โดยเด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีแผลที่ปาก มีผื่นหรือตุ่มขึ้นตามมือและเท้า รวมถึงมีไข้ร่วมด้วย วิธีป้องกันคือคุณพ่อคุณแม่ควรทำความสะอาดของเล่น-ของใช้ของลูกน้อย หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- โรคอีสุกอีใสเป็นอีกหนึ่งในโรคติดต่อที่พบได้บ่อยในหมู่เด็กๆ เพราะเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยป่วยเป็นโรคอีสุกอีใสหรือได้รับวัคซีนป้องกันมาก่อนอย่างกลุ่มเด็กๆ อาการของโรคนี้สังเกตได้จากผื่นคันที่ขึ้นตามตัว ร่วมกับอาการมีไข้ อ่อนเพลีย ไม่สบายตัว ทั้งนี้โรคอีสุกอีใสป้องกันได้ด้วยการให้ลูกน้อยรับวัคซีนป้องกันโรคนี้ตามกำหนด
- โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรคสู่คน จากการที่ยุงเคยกัดดูดเลือดผู้ที่มีเชื้อไวรัสมาก่อน อาการของโรคไข้เลือดออกมีตั้งแต่อาการน้อยมากจนแทบไม่มีอาการใดๆ ไปจนถึงมีไข้สูง มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แนะนำให้ปกป้องลูกน้อยจากยุงลายโดยการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุง ปิดหน้าต่างและติดตั้งมุ้งไม่ให้ยุงลายเข้าถึงตัวลูกน้อย
- โรคท้องร่วงเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งพบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยจะมีอาการขับถ่ายเหลวประมาณ 3 ครั้งขึ้นไปภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งการขับถ่ายบ่อยๆ จะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำอย่างรวดเร็ว เด็กๆ จึงอ่อนเพลีย หรือหงุดหงิดง่าย ปากและลิ้นแห้งจากการขาดน้ำ ดังนั้นหากลูกน้อยมีอาการท้องร่วง ควรให้ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่มากๆ เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไป รวมถึงรับประทานอาหารอ่อนๆ จนกว่าอาการจะดีขึ้น
- โรคภูมิแพ้ในช่วงที่เด็กๆ กำลังเติบโตและมีพัฒนาการตามวัยนั้น ร่างกายจะไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ หรือสารก่อภูมิแพ้ ผ่านทางการกิน สูดดม การทา หรือการฉีด โดยจะมีอาการแตกต่างกันไปตามระบบของร่างกาย เช่น มีอาการคัดจมูก ไอ จาม น้ำมูกไหล มีผื่นขึ้นตามร่างกาย ระคายเคืองผิวหนัง รวมไปถึงมีอาการตาแดง คันตา ขึ้นอยู่กับว่าได้รับสารก่อภูมิแพ้จากทางใด หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกน้อยมีอาการแพ้สิ่งใดหรือไม่ สามารถทดสอบภูมิแพ้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้
- โรคหัดเป็นโรคที่มาจากการสัมผัสไวรัสในน้ำลาย น้ำมูก หรือเสมหะจากผู้ป่วยโรคหัดโดยตรง ซึ่งโรคนี้จะมีระยะฟักตัวจนเริ่มออกอาการ 8 - 12 วัน โดยจะมีอาการคล้ายกับโรคหวัด คือ ไอ เป็นไข้ น้ำมูกไหล ร่วมกับมีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย แต่คุณพ่อคุณแม่ปกป้องลูกน้อยจากโรคหัดได้โดยการให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด และให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย
- โรคไอกรนเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ช่วงแรกเด็กจะมีอาการคล้ายกับโรคหวัดธรรมดา จากนั้นจะไอเพิ่มขึ้นเป็นชุดๆ ติดๆ กัน และหายใจเข้าแรงจนมีเสียงวู๊ป (Whoop) ซึ่งถ้าหากโรคนี้เกิดขึ้นในเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน อาจมีอาการไอจนอาเจียน และเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหยุดหายใจได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยมาพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการไอกรน
- โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบโรคนี้เกิดการจากติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา ทำให้เยื่อหุ้มสมองเกิดการอักเสบขึ้น หากปล่อยให้อักเสบไว้นานก็จะมีอาการรุนแรงและเจ็บปวดเพิ่มขึ้น หากเด็กๆ ป่วยเป็นโรคนี้ ในช่วงแรกจะมีอาการเหมือนไข้หวัด และจะทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วโดยมีอาการปวดศีรษะ มีไข้สูง อาเจียน คอแข็ง ง่วงนอน สับสนมึนงง หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกน้อยกำลังมีอาการเข้าข่ายโรคนี้ให้พบแพทย์โดยเร็ว
ความสำคัญในการพาเด็กๆ ไปคลินิกสุขภาพเด็ก
คลินิกสุขภาพเด็กและคลินิกจิตเวชเด็ก คือศูนย์กลางในการให้คำแนะนำ ตรวจสุขภาพ ติดตาม และป้องกันปัญหาสุขภาพร่างกายและจิตใจที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กๆ มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ลูกน้อยเติบโตอย่างสมบูรณ์ ดังต่อไปนี้
- ติดตามสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยเช่น น้ำหนัก ส่วนสูง การพัฒนาทางสมองและร่างกาย ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- ตรวจโรคและทำการรักษาโรคตั้งแต่เนิ่นๆหากแพทย์พบว่าลูกน้อยเริ่มมีอาการป่วยเป็นโรคที่ควรระวังในเด็ก แพทย์สามารถรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ รวมถึงให้ลูกน้อยรับวัคซีนตามกำหนดการเพื่อป้องกันโรคในอนาคตได้
- ให้คำแนะนำในการดูแลลูกน้อยคุณพ่อคุณแม่จะได้รับคำแนะนำในการดูแลลูกน้อยที่เหมาะสม ทั้งเรื่องโภชนาการ การดูแลความสะอาด การออกกำลังกาย รวมถึงการเข้าสังคม อารมณ์และจิตใจของลูกน้อย
- เสริมความมั่นใจให้กับคุณพ่อคุณแม่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์เลี้ยงลูก เข้ามาปรึกษาแพทย์และไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกได้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ว่าลูกน้อยจะเติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง
/Vibhavadi%20-%20Dec%205%20(%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%20%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81)%20(2).jpg)
ควรตรวจสุขภาพเด็กเมื่อไรบ้าง?
เด็กๆ ในแต่ละช่วงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นลักษณะเฉพาะตามวัย แพทย์จึงต้องตรวจสุขภาพเด็กอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินการเจริญเติบโต พัฒนาการ และพฤติกรรมว่าพัฒนาขึ้นอย่างเหมาะสมหรือไม่ โดยแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกน้อยไปตรวจสุขภาพที่คลินิกสุขภาพเด็กและคลินิกจิตเวชเด็กตามช่วงอายุ ดังนี้
- วัยแรกเกิด อายุ 0-7 วันเพื่อตรวจคัดกรองเลือด ประเมินภาวะตัวเหลือง
- อายุ 1 เดือนเพื่อตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ตรวจหู ตรวจสายตา ตรวจหัวใจ
- อายุ 2,4,6,9,12,15,18,24 เดือน และทุก ๆ 6 เดือนจนถึงอายุ 5 ขวบ เพื่อติดตามการเจริญเติบโตและพัฒนาการ รวมถึงให้วัคซีนที่เหมาะสมตามวัย
- อายุ 5 - 15 ปีเพื่อติดตามการเจริญเติบโตว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ และติดตามด้านพัฒนาการ เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
- เมื่อลูกน้อยมีอาการผิดปกติคุณพ่อคุณแม่พาลูกน้อยมาตรวจสุขภาพที่คลินิกสุขภาพเด็กได้ทันทีเมื่อพบว่าลูกมีความผิดปกติ ไม่ว่าจะด้านร่างกายหรือพฤติกรรม
/Vibhavadi%20-%20Dec%205%20(%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%20%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81)%20(3).jpg)
คลินิกสุขภาพเด็กมีขั้นตอนการตรวจสุขภาพอย่างไรบ้าง
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินอย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบสุขภาพทุกด้านของลูกน้อย โดยขั้นตอนการตรวจที่คลินิกสุขภาพเด็กมีดังนี้
- การตรวจร่างกายทั่วไปเพื่อประเมินสภาพทั่วไปของเด็ก เช่น วัดส่วนสูง น้ำหนัก รอบศีรษะ ตรวจการทำงานของหัวใจและปอด
- การตรวจสายตาและหูเพื่อประเมินการรับรู้ด้านการมองเห็นและการได้ยินของเด็ก เช่น วัดค่าสายตา ใช้เครื่องมือตรวจคัดกรองการได้ยิน
- การตรวจประสาทเพื่อประเมินพัฒนาการทางด้านประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ เช่น ความสามารถในการเดิน นั่ง หยิบจับสิ่งของ
- การตรวจเลือดเพื่อตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจหาภาวะโลหิตจาง รวมถึงตรวจระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด
- การตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจหาโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินปัสสาวะ
- การตรวจสุขภาพช่องปากตรวจฟันและเหงือกว่ามีความสมบูรณ์หรือไม่
- การให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคที่พบบ่อยในเด็ก และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับเด็ก
/Vibhavadi%20-%20Dec%205%20(%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81%20%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81)%20(4).jpg)
คลินิกสุขภาพเด็กที่โรงพยาบาลวิภาวดี
คลินิกสุขภาพเด็กที่ดีต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ มีสภาพแวดล้อมที่สะอาดและเหมาะสำหรับเด็ก รวมถึงควรเลือกคลินิกที่มีบริการที่หลากหลายและครอบคลุม เพื่อลดความยุ่งยากในการพาลูกน้อยไปหลายๆ ที่
ที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็กโรงพยาบาลวิภาวดีให้บริการแบบ One Stop Service อยู่ในที่เดียว ด้วยการบริการแบบครบวงจร ทำให้คุณพ่อคุณแม่สะดวกสบาย และมั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับการตรวจในทุกๆ ด้าน
ข้อมูลและบริการ
คลินิกสุขภาพเด็กที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็ก โรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมให้คำปรึกษาและคำแนะนำการดูแลลูกน้อย เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพพิเศษของตนอย่างเหมาะสม พร้อมตรวจคัดกรองและรักษาโรคในเด็กตั้งแต่เนิ่นๆ โดยมีบริการที่โดดเด่น ดังนี้
- ประเมินพัฒนาการเด็กในด้านต่างๆ ทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา
- วินิจฉัยภาวะบกพร่องทางพัฒนาการ
- ให้คำปรึกษาและแนะนำแก่ผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กตามวัย
- ให้คำแนะนำสำหรับการปรับพฤติกรรมเด้กอย่างเหมาะสม
- จัดโปรแกรมบำบัดรักษา
- สนับสนุนให้เด็กพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่
เครื่องมือและเทคโนโลยี
คลินิกสุขภาพเด็กที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็ก โรงพยาบาลวิภาวดีมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้มีความทันสมัย ปลอดภัย และเหมาะสมสำหรับเด็ก เพื่อให้ลูกน้อยไม่รู้สึกเจ็บปวดในขณะตรวจ พร้อมด้วยสถานที่สำหรับทำกิจกรรมบำบัดฝึกการพูด และตรวจ IQ ที่มีบรรยากาศเป็นมิตรต่อลูกน้อย
การวินิจฉัยและการรักษา
คลินิกสุขภาพเด็กที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็ก โรงพยาบาลวิภาวดีมีการวินิจฉัยและการรักษาความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกน้อยอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น
- พูดช้า
- ออทิสติก
- สมองพิการ
- ปัญหาเรื่องการประสานกันของกล้ามเนื้อ
- การมองเห็นหรือการได้ยินบกพร่อง
- ดาวน์ซินโดรม
- คลอดก่อนกำหนด
- ปัญหาในการปรับตัว สมาธิสั้น ปัญหาการเรียน ปัญหาการเขียน
- เด็กอัจฉริยะ
- ปัญหาการขับถ่าย เช่น ปัสสาวะรดที่นอน
- ป่วยเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็ก
ด้วยทีมกุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นของที่นี่ ช่วยวินิจฉัยถึงปัญหาสุขภาพของลูกน้อยทั้งด้านร่างกาย ด้านพัฒนาการ และด้านพฤติกรรมที่สร้างความไม่สบายใจของคุณพ่อคุณแม่ได้ พร้อมให้คำแนะนำและออกแบบการรักษาอย่างเหมาะสม
ทีมแพทย์และบุคลากร
คลินิกสุขภาพเด็กที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็ก โรงพยาบาลวิภาวดีมีทีมกุมารแพทย์มีความใส่ใจ พร้อมสื่อสาร ให้คำแนะนำกับคุณพ่อคุณแม่อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย และสร้างความมั่นใจให้คุณพ่อคุณแม่ด้วยการบริการอย่างครบถ้วนจากบุคลากรที่มีคุณภาพ ได้แก่
- กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก
- จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
- นักกิจกรรมบำบัด
- นักจิตวิทยาคลินิก
- ครูการศึกษาพิเศษ
- นักจิตวิทยา
- ครูฝึกการพูด
- นักกระตุ้นพัฒนาการ
ค่าใช้จ่าย
แพคเกจและโปรโมชั่นพัฒนาศักยภาพเด็ก
- โปรแกรมตรวจสุขภาพเด็กเป็นสาวก่อนวัยและเป็นหนุ่มก่อนวัย ราคา 990 บาท
- โปรแกรมตรวจประเมินเด็กอ้วน ราคา 2,290 บาท
- โปรแกรมตรวจเด็กตัวเตี้ย (เบื้องต้น) ราคา 2,790 บาท
สถานที่และเวลาให้บริการ
คลินิกสุขภาพเด็กที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพเด็ก โรงพยาบาลวิภาวดี เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 น. ไปจนถึง 20:00 น. ที่อาคาร 4 ชั้น 2 โรงพยาบาลวิภาวดี เข้ามารับการรักษาได้ที่ 51/3 ถ.งามวงศ์วาน จตุจักร กรงเทพฯ หรือนัดพบแพทย์และสอบถามข้อมูล โทร 0-2058-1111 หรือ 0-2561-1111 กด 4247