โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ คือการที่เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงหัวใจมีการตีบตัน โดยมีไขมันและก้อนหินปูนแทรกในเส้นเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่สะดวก
  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้นมีอาการเบื้องต้นคือการเจ็บหน้าอกข้างซ้าย หรือมีอาการชาที่ไหล่ไปจนถึงกราม โดยอาจจะมีอาการเจ็บแปล๊บๆ ร่วมด้วย
  • สาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การทานอาหารไขมันสูงหรืออาหารจานด่วนสะสมเป็นระยะเวลานาน การออกกำลังกายที่น้อยเกินไป และอาจเกิดจากกรรมพันธุ์
  • วิธีรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบสามารถทำได้ 2 วิธี คือการทายาร่วมกับการออกกำลังกายและปรับอาหาร หรือถ้ามีอาการหนักก็ต้องอาศัยการผ่าตัดขยายหลอดเลือดหรือทำบายพาสหัวใจ

รู้ให้ทัน ภัยใกล้ตัว! โรคหลอดเลือดหัวใจตีบอันตรายมากไหม? แล้วมาเช็กอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ พร้อมสำรวจสาเหตุว่าเกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันและวิธีรักษาอย่างไร

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ คืออะไร

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ คืออะไร

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ คืออาการของความเจ็บป่วยภายในร่างกาย ในบริเวณเส้นเลือดที่จะส่งออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจเกิดอาการตีบตัน ทำให้หัวใจเกิดอาการขาดเลือด เพราะเส้นเลือดนั้นถูกไขมันและหินปูนเกาะเป็นก้อนหนา จนเลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงหัวใจได้ โดยผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบในไทยนั้นมีเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุหรือมีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป

อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบในเบื้องต้น คือการเจ็บหน้าอกข้างซ้าย รู้สึกเหนื่อยง่าย และอาจจะมีอาการชาร่วมด้วย โดยเราสามารถจำแนกอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบออกเป็น 2 ประเภท ตามความรุนแรงของอาการได้ ดังต่อไปนี้

1. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบชนิดเฉียบพลัน

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบชนิดเฉียบพลันนั้น เป็นการเจ็บป่วยที่มีอาการรุนแรง หากมีอาการเหนื่อยง่าย เหงื่อออก ใจสั่น หายใจไม่สะดวก เจ็บแน่นที่บริเวณกึ่งกลางหน้าอกอย่างหนักในตอนที่ไม่ได้กำลังออกกำลัง ต้องไปโรงพยาบาลภายใน 12 ชั่วโมงหลังจากมีอาการครั้งแรก หากไม่ไปอาจเสียชีวิตหรือพิการได้ เพราะหัวใจมีการขาดเลือดนานเกินไป

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้ว แพทย์จะเปิดหลอดเลือดหัวใจที่ตีบด้วยการใช้ยาสลายลิ่มเลือด หรือทำบอลลูนขยายหลอดเลือดในกรณีที่มีอาการโคม่า

2. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบชนิดเรื้อรัง

ส่วนโรคหลอดเลือดหัวใจตีบชนิดเรื้อรังนั้นจะมีอาการเป็นๆ หายๆ โดยมักเกิดระหว่างการออกกำลัง เช่น ระหว่างการขึ้นบันได หรือเดินออกกำลังกาย จะรู้สึกเจ็บแน่นบริเวณกึ่งกลางหน้าอก แต่เมื่อได้นั่งพักอาการก็จะดีขึ้นตามลำดับ หากวันไหนมีอาการปวดร้าวที่หัวไหล่ซ้ายจนลามไปถึงกรามแล้วรู้สึกชาร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

สาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเกิดจากอะไร?

สาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเกิดจากอะไร?

สาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้นมีหลายประการ มีทั้งการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรมและเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งในเรื่องการรับประทานอาหารและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกันออกไป โดยอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้น มีสาเหตุดังต่อไปนี้

  • มีความเครียดสูง
  • สูบบุหรี่จัด
  • ทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารแปรรูป และอาหารจานด่วนเป็นประจำ
  • ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • เป็นโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักเกินค่ามาตรฐาน

ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

อาการปวดหน้าอกข้างซ้ายนั้นเป็นอาการพื้นฐานของโรคหลายๆ ชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบร่วมอยู่ด้วย หากสงสัยว่าตัวเองหรือคนในครอบครัวมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แนะนำให้ไปพบแพทย์ ซึ่งขั้นตอนการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบโดยทั่วไปของแพทย์ก็จะมีดังต่อไปนี้

  1. การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram: EKG)
  2. การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test: EST)
  3. การตรวจหัวใจด้วยเครื่องเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram)
  4. การตรวจหาคราบหินปูนหลอดเลือดหัวใจ (CT Calcium score)
  5. การฉีดสีสวนหัวใจ

รวมวิธีการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

รวมวิธีการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้นเป็นแล้วสามารถรักษาได้ หากพบว่ามีความเสี่ยง หรือป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ในระยะเริ่มต้นจะรักษาด้วยการใช้ยาหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่ถ้าหากพบว่าป่วยเมื่อมีอาการรุนแรงแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนแนวทางการรักษาเป็นการทำหัตถการหรือการผ่าตัดตามความเหมาะสมมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. รักษาโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

หากพบว่ายังอายุไม่มากและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบยังไม่ได้รุนแรงมากจนเกินไป วิธีการรักษาที่แพทย์จะแนะนำให้ทำเป็นอย่างแรกก็คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานและเค็ม และอย่าลืมออกกำลังกายเป็นประจำ ใครที่เคยสูบบุหรี่จัด ก็ให้ลด-ละ-เลิก และที่สำคัญที่สุด คือการลดความเครียดนั่นเอง

2. รักษาโดยการใช้ยา

หากเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบในระยะเบื้องต้น กล่าวคือ มีไขมันและหินปูนเริ่มเกาะผนังเส้นเลือด แต่ยังไม่เป็นก้อนหนา การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยการใช้ยาสลายลิ่มเลือด ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ แต่การทานยาสลายลิ่มเลือดนั้น ต้องมีวินัยในการทาน เพราะต้องทานอย่างต่อเนื่องไปตลอดทั้งชีวิต

3. รักษาโดยหัตถการ

สำหรับการทำหัตถการในการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้นสามารถทำได้ด้วยการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยการทำบอลลูนและการใช้ขดลวดค้ำยัน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เส้นเลือดกลับมาขยายใหญ่อีกครั้ง

4. รักษาโดยการผ่าตัด

หากพบว่าผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้นไม่สามารถทำบอลลูนขยายเส้นเลือดได้ เพราะเส้นเลือดมีการอุดตันที่ 70% ขึ้นไป ก็จำเป็นต้องทำบายพาส ด้วยการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งมีวิธีการรักษาด้วยกัน 2 วิธี คือการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ โดยไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Off – Pump CABG)หรือแบบไม่ต้องหยุดหัวใจ

และแบบที่สองคือการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ แบบต้องใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (On Pump CABG) เพื่อหยุดการทำงานของหัวใจทั้งหมด โดยหมอจะทำทางเบี่ยงเพื่อลำเลียงเลือดแดงจากเส้นเลือดแดงใหญ่ข้ามไปยังกล้ามเนื้อหัวใจในบริเวณที่ขาดเลือดอีกที

การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

ใครๆ ก็เสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้เมื่อมีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีประวัติการเจ็บป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมาก่อน ยิ่งต้องใช้ชีวิตด้วยการขาดความระมัดระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณและคนที่คุณรักป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ มาดูแนวทางในการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบกัน ดังนี้

  • ทานปลา หรือเนื้อไก่ไม่ติดหนัง
  • ทานผักและผลไม้ตามฤดูกาล
  • ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว
  • ออกกำลังกายแบบแอโรบิค สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที
  • เลิกบุหรี่
  • นอนหลับพักผ่อนวันละ 8 - 10 ชั่วโมงต่อวัน
  • ตรวจสุขภาพหัวใจทุกปี ปีละ 1 ครั้ง

การรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบที่โรงพยาบาลวิภาวดี

หาเริ่มมีอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้โรคลุกลามจนแก้ยาก เราขอแนะนำให้เข้ามารับการตรวจและวินิจฉัยโรคที่โรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งเป็นศูนย์แพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทุกสาขาแบบครบวงจร อุปกรณ์ที่ทันสมัย 

โรงพยาบาลวิภาวดีให้ความสำคัญกับสุขภาพหัวใจ โดยมีการตรวจสุขภาพหัวใจ ที่รวบรวมการตรวจพิเศษเฉพาะ และตรงกับความต้องการของแต่ละคน

เพื่อให้การรักษาสามารถทำได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถนัดหมายได้อย่างสะดวกผ่านเว็บไซต์ของ โรงพยาบาลวิภาวดี และสามารถตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ ที่นี่ และสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์ประกันผู้ป่วย สามารถสอบถามค่าใช้จ่าย และค่าผ่าตัดประมาณการได้ที่แผนกผู้ป่วยใน โทรศัพท์: 02-561-1111 ต่อ 4137,4139 นอกจากนี้ยังมีช่องทางสำหรับการติดต่อของตัวแทนประกันชีวิตต่างๆ ทาง Line ID: @vibhainsurance

สรุป

เนื่องจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้นอันตรายถึงชีวิต ถึงมีอาการผิดปกติแม้เพียงน้อยนิดก็ควรมาตรวจวินิจฉัยอาการให้ชัดเจน ก่อนที่โรคจะลุกลามจนต้องผ่าตัด 

หากว่ามีอาการเจ็บที่อกข้างซ้าย หายใจไม่สะดวก ประกอบกับการปวดไหล่ซ้าย ลามไปถึงคอและกราม โดยมีอาการชาร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ 

มาตรวจสุขภาพหัวใจประจำปีในราคาพิเศษ หรือใครอยากจะตรวจสุขภาพประจำปี ก็ลองดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพของทางโรงพยาบาลวิภาวดีก่อน โดยสามารถเข้าไปเลือกซื้อแพ็กเกจที่เหมาะสม หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-561-1111

FAQ

พบกับช่วงถาม-ตอบ กับคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบรักษาหายไหม?

ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ในปัจจุบัน เราสามารถรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบให้หายขาดได้ แต่ก็ต้องดูแลพฤติกรรมการทานอาหาร การดื่ม และไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของเราด้วย เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการกลับมาเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบซ้ำอีกในอนาคต

คนเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบห้ามกินอะไรบ้าง?

สำหรับใครที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือมีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ คุณไม่ควรรับประทานโปรตีนเนื้อแดงจากหมูและวัว ลดอาหารที่ผ่านความร้อนสูงเช่นอาหารทอด รวมไปถึงอาหารแปรรูป ตลอดจนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

คนเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบควรกินอะไร?

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบควรรับประทานโปรตีนเนื้อขาวจากปลาและไก่ ตลอดจนรับประทานอาหารสดใหม่จากธรรมชาติ อย่างผักและผลไม้ตามฤดูกาล โดยผลไม้ต้องไม่มีรสหวานจัด เช่น ฝรั่ง แอปเปิล มะละกอ และพุทรา รวมไปถึงดื่มน้ำสะอาดวันละ 6 - 8 แก้วต่อวันด้วย

หลังทำบอลลูนหัวใจต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?

หลังทำบอลลูนหัวใจแล้วควรปฏิบัติตัวตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบซ้ำ และอาการจะได้ดีขึ้นตามลำดับ

  • เลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง
  • ลดอาหารที่มีน้ำตาลสูง
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111

ศูนย์หัวใจวิภาวดี ชั้น 3 อาคาร 1

ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.