โรคสมองเสื่อม

  • โรคสมองเสื่อม คือภาวะที่การทำงานของสมองถดถอย ทำให้มีปัญหาในด้านความคิด ความจำ การสื่อสาร การเคลื่อนไหว การควบคุมอารมณ์ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
  • ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมจะมีอาการหลงลืม จำสิ่งที่เพิ่งเกิดไม่ได้ พูดหรือถามเรื่องเดิมซ้ำๆ นึกคำพูดไม่ออก พูดจาไม่รู้เรื่อง หลงทิศทาง มีปัญหาในการตัดสินใจหรือการแก้ปัญหา ทำสิ่งที่เคยถนัดไม่ได้ อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า จนสุดท้ายจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
  • โรคสมองเสื่อมเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือโรคอัลไซเมอร์ รองลงมาคือโรคหลอดเลือดสมอง ยิ่งอายุมากขึ้น ความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมก็จะสูงขึ้นด้วย
  • โรคสมองเสื่อมบางชนิดรักษาได้ แต่บางชนิดก็ทำได้เพียงให้ยาเพื่อบรรเทาอาการ ควบคู่ไปกับการดูแลผู้ป่วยด้วยความเข้าใจ

อาการหลงลืมสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของสมองย่อมถดถอยไปตามวัย แต่หากอาการหลงลืมเกิดขึ้นบ่อยครั้ง หรือส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน อาจเป็นสัญญาณของ “โรคสมองเสื่อม” ที่เกิดจากความผิดปกติในการทำงานของสมอง

มาดูว่าโรคสมองเสื่อมอาการเป็นอย่างไร สาเหตุของโรคสมองเสื่อมเกิดจากอะไรได้บ้าง รวมถึงวิธีรักษาและวิธีป้องกัน เพื่อเตรียมรับมือได้อย่างทันท่วงที

โรคสมองเสื่อม คืออะไร

โรคสมองเสื่อม คืออะไร

โรคสมองเสื่อม เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง ทำให้ความสามารถในการจดจำ การรับรู้ การคิด การตัดสินใจบกพร่อง จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้ป่วย

ส่วนใหญ่โรคสมองเสื่อมมักพบในผู้สูงอายุ แต่ก็มีโอกาสพบในวัยทำงานได้เช่นกัน จากสถิติพบว่า ในปี 2565 ประเทศไทยมีผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมสูงถึง 770,000 คน หรือคิดเป็นประมาณ 6% ของผู้สูงอายุทั้งประเทศ โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละประมาณ 100,000 คน และคาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า

อาการของโรคสมองเสื่อมแบ่งได้เป็นกี่ระยะ?

อาการของโรคสมองเสื่อมแบ่งได้เป็นกี่ระยะ?

ความรุนแรงของโรคสมองเสื่อมแบ่งตามอาการได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้

  • ระยะที่ 1ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมจะเริ่มสูญเสียความทรงจำระยะสั้น มีปัญหาในการจดจำ เช่น ลืมของที่วางไว้ สับสนเรื่องวัน เวลา สถานที่ ถามคำถามเดิมซ้ำๆ ความสนใจต่อสิ่งรอบข้างน้อยลง และอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า วิตกกังวลมากขึ้น อย่างไรก็ตามในระยะนี้ผู้ป่วยจะยังสามารถดูแลตนเอง และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ระยะที่ 2ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในระยะนี้อาการจะรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความจำมีปัญหามากขึ้น จดจำเหตุการณ์ล่าสุดไม่ได้ ไม่สามารถตัดสินใจ หรือแก้ปัญหาในเรื่องง่ายๆ ใช้เวลามากขึ้นกับกิจวัตรที่ทำเป็นปกติ เช่น การติดกระดุม การคิดเลข การใช้อุปกรณ์ต่างๆ เดินไปมาอย่างไร้จุดหมาย แยกตัวจากสังคม และอาจมีอาการทางจิตเวช เช่น ประสาทหลอน หวาดระแวง ร่วมด้วย
  • ระยะที่ 3ผู้ป่วยจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่สามารถจดจำเรื่องราวในอดีตหรือปัจจุบันได้เลย จำชื่อคนในครอบครัวไม่ได้ หรือหลงลืมแม้แต่ชื่อของตัวเอง การเคลื่อนไหวช้าลง มีปัญหาในการควบคุมการขับถ่าย
  • ระยะที่ 4ในระยะสุดท้ายผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมจะสูญเสียความสามารถในการช่วยเหลือตนเองเกือบทั้งหมด มักนอนเฉยๆ อยู่บนเตียง ไม่สามารถกินข้าวหรืออาบน้ำได้เอง มีปัญหาในการเคี้ยวและกลืน เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

สาเหตุของโรคสมองเสื่อมเกิดจากอะไร

สาเหตุของโรคสมองเสื่อมเกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้

  • โรคอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุของโรคสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุด ประมาณ 60 - 70% เกิดจากความผิดปกติของเซลล์สมอง อันเนื่องมาจากการสะสมของโปรตีนบางชนิด ส่งผลให้เซลล์สมองบางส่วนตาย และสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการจดจำลดลง ปัจจุบันยังไม่วิธีรักษาโรคสมองเสื่อมจากอัลไซเมอร์ให้หาย แต่สามารถบรรเทาอาการให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
  • โรคหลอดเลือดสมองมักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดเส้นหลอดในสมองตีบ แตก อุดตัน ทำให้เซลล์สมองได้รับความเสียหาย
  • โรคสมองเสื่อมจากการติดเชื้อเกิดได้ทั้งจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส
  • โรคสมองเสื่อมจากการขาดวิตามินโดยเฉพาะวิตามินบี 12 และโฟเลต มักพบในผู้ที่ทานมังสวิรัติ และผู้ที่ทานอาหารน้อยจนร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือมีปัญหาในการดูดซึม
  • ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism)เนื่องจากต่อมไทรอยด์ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
  • ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ (Hydrocephalus) หรือเนื้องอกสมองทำให้เนื้อสมองถูกกดทับจนเป็นโรคสมองเสื่อม
  • การรับประทานยาบางชนิดเช่น ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยากลุ่ม Anticholinergics

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อม

ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม มีดังนี้

  • อายุผู้ที่มีอายุ 50 ปี มีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมประมาณ 25% เมื่ออายุ 60 ปี ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% และในช่วงอายุ 80-84 ปี โอกาสเกิดโรคสมองเสื่อมสูงถึงประมาณ 89%
  • พันธุกรรมหากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคสมองเสื่อม จะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้มากกว่า
  • โรคประจำตัวเช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคไต หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตเช่น ชอบสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • การบาดเจ็บที่ศีรษะซ้ำๆเช่น ในผู้ที่เป็นนักมวย นักฟุตบอล
  • อุบัติเหตุทำให้เกิดการกระทบกระเทือนทางสมอง
  • การได้รับสารพิษเช่น มลภาวะทางอากาศ สารเสพติด
  • การรับประทานอาหารโดยเฉพาะผู้ที่กินมังสวิรัติเป็นเวลานาน
  • ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว ไม่ค่อยเข้าสังคม มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมมากกว่า

ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคสมองเสื่อม

ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคสมองเสื่อม

แพทย์จะประเมินหาสาเหตุ และแยกโรคที่อาจมีอาการคล้ายกัน เพื่อกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสม โดยกระบวนการตรวจวินิจฉัยโรคสมองเสื่อมจะประกอบไปด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

  • ตรวจร่างกาย และซักประวัติอย่างละเอียดประเมินอาการ และความเสี่ยงต่างๆ เช่น ประวัติการเจ็บป่วยของคนในครอบครัว โรคประจำตัว การใช้ยา ทดสอบความสามารถในด้านความจำ
  • ตรวจเลือดเพื่อประเมินสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย เช่น ระดับน้ำตาล ไขมัน การทำงานของตับ ไต ต่อมไทรอยด์ การติดเชื้อ ฯลฯ ที่อาจเป็นสาเหตุของโรคสมองเสื่อม
  • ตรวจสแกนสมองด้วยเครื่องสนามแม่เหล็ก (MRI Brain Dementia Protocal)ดูความผิดปกติของสมอง เพื่อระบุสาเหตุของโรคสมองเสื่อม เช่น ความเสียหายของสมองส่วนฮิปโปแคมปัสในผู้โรคอัลไซเมอร์ การตีบตันของหลอดเลือด รวมถึงประเมินระดับความรุนแรง เพื่อวางแผนการรักษา และติดตามอาการ
  • การเจาะน้ำไขสันหลังใช้ในการวิเคราะห์ระดับโปรตีนที่ผิดปกติซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์ หรือใช้ในการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อในสมอง

วิธีการรักษาโรคสมองเสื่อม

วิธีรักษาโรคสมองเสื่อมจะพิจารณาจากสาเหตุ ระยะของอาการ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น พฤติกรรมและอารมณ์ของผู้ป่วย ความสะดวกของผู้ดูแล โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ คือ

การรักษาด้วยการใช้ยา

วิธีรักษาโรคสมองเสื่อมด้วยยา ช่วยประคับประคองอาการในบางกรณี เช่น โรคสมองเสื่อมที่เกิดจากโรคอัลไซเมอร์ หรือจากโรคหลอดเลือดสมอง ยาจะช่วยบรรเทาอาการทางสมอง ทำให้ผู้ป่วยดูแลตนเองได้ดีขึ้น บางรายอาจได้รับยากลุ่มต้านเศร้าร่วมด้วย อย่างไรก็ตามการใช้ยาทุกชนิดจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ไม่ควรซื้อมารับประทานเอง เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงตามมาได้

การรักษาด้วยการไม่ใช้ยา

วิธีรักษาโรคสมองเสื่อมแบบไม่ใช้ยาควรทำควบคู่กับการรักษาด้วยยา หรือใช้ในกรณีที่ผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวบางอย่างทำให้ไม่สามารถใช้ยาได้ แพทย์จะวางแผนการรักษาร่วมกับผู้ดูแล โดยให้ความรู้เกี่ยวกับโรค และวิธีการรับมือกับอาการที่เกิดขึ้น เน้นไปที่การปรับพฤติกรรม เช่น กำหนดกิจวัตรประจำวันให้คงที่ ทั้งเรื่องการกิน ออกกำลังกาย อาบน้ำ และเข้านอน รวมถึงให้ผู้ป่วยกระตุ้นสมองผ่านกิจกรรมที่ช่วยฝึกความจำ และทักษะการเคลื่อนไหว เช่น เล่นเกม เล่นไพ่ ทำงานฝีมือ ศิลปะบำบัด สวดมนต์ รำไทเก๊ก

โรคสมองเสื่อมกับโรคอัลไซเมอร์ต่างกันหรือไม่?

โรคสมองเสื่อมกับโรคอัลไซเมอร์ต่างกันหรือไม่?

โรคสมองเสื่อม เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มอาการที่เกิดจากความเสื่อมของสมอง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนโรคอัลไซเมอร์ คือโรคที่เกิดจากความการสะสมของโปรตีนเบตา - อะไมลอยด์ (Beta - amyloid) และทาว (Tau) รอบๆ เซลล์ประสาทที่มากผิดปกติ ทำให้เซลล์สมองเสียหาย ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้จึงทำหลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นโรคเดียวกัน

แนวทางการป้องกันโรคสมองเสื่อม

แนวทางการป้องกันโรคสมองเสื่อม

แม้การป้องกันโรคสมองเสื่อมจะยังไม่มีวิธีการที่แน่นอน แต่ก็มีหลายวิธีที่อาจช่วยลดความเสี่ยงได้ เช่น

  • หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ เดินเร็ว ปั่นจักรยาน 150 นาทีต่อสัปดาห์
  • ทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นสมอง เช่น เล่นเกมแก้ปริศนา คิดเลขโดยไม่ใช้เครื่องคิดเลข เปลี่ยนเส้นทางขับรถที่เคยใช้เป็นประจำ เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ
  • หมั่นเข้าสังคม ออกไปพบปะเพื่อนฝูง พูดคุยกับเพื่อน
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และมีความหลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
  • ดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น คุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์พอดี รักษาระดับความดันโลหิต ไขมันในเลือด
  • พักผ่อนให้เพียงพอ หากมีปัญหานอนกรน หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับควรปรึกษาแพทย์
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี

รักษาโรคสมองเสื่อมที่โรงพยาบาลวิภาวดี

โรงพยาบาลวิภาวดีให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคสมองเสื่อม โดยแพทย์เฉพาะทางแผนกอายุรกรรมประสาท นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมตรวจสุขภาพสมองเสื่อม ซึ่งรวมทั้งการตรวจเลือด และสแกนสมองเครื่องสนามแม่เหล็ก (MRI Brain Dementia Protocol) ไว้ในแพ็กเกจเดียว ในราคาเริ่มต้น 17,900 บาท (ราคานี้ไม่ร่วมค่ายา และเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการฉีดสี ซึ่งการฉีดสีขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ด้านรังสีวินิจฉัย) ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และนัดหมายได้ที่ แผนกสมองและระบบประสาท โทร. 0-2561-1111 ต่อ 1221, 1222, 1214 ตั้งแต่เวลา 07.00 - 20.00 น.

สรุป

โรคสมองเสื่อม เป็นภาวะที่สมองทำงานผิดปกติซึ่งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยมีสาเหตุหลักมาจากโรคอัลไซเมอร์ที่ทำให้เซลล์สมองเสื่อม และปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสมอง เช่น พันธุกรรม โรคประจำตัว อุบัติเหตุ การดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่ การรักษาในปัจจุบันสามารถทำได้โดยการใช้ยาที่ช่วยชะลอการเสื่อม ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยง หรือมีสัญญาณของอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคสมองเสื่อม เช่น หลงลืมบ่อยๆ จำนัดสำคัญไม่ได้ ลืมสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือเรื่องราวที่เพิ่งพูดไป มีปัญหาในการสื่อสาร

เข้ารับบริการ โปรแกรมตรวจสุขภาพสมองเสื่อม ได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดีเพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลสุขภาพสมอง และรับมือกับอาการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

FAQ

บทความนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคสมองเสื่อม พร้อมคำตอบจากแพทย์มาคลายข้อสงสัยเพิ่มเติม ดังนี้

อาการหลงลืมแบบไหนเป็นอาการเตือนของโรคสมองเสื่อม?

ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมจะมีอาการหลงลืมในเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน นึกคำพูดไม่ออก ลืมเรื่องสำคัญ เช่น การนัดหมาย เรื่องที่ต้องทำ ชื่อเพื่อนสนิทที่เจอกันประจำ สับสนเรื่องวัน เวลา สถานที่ เดินทางไปที่คุ้นเคยแล้วกลับบ้านไม่ถูก หรือจำไม่ได้ว่ามาถึงที่นั่นได้อย่างไร ซึ่งเป็นอาการที่รุนแรงกว่าการหลงลืมทั่วไปมาก

โรคสมองเสื่อมรักษาหายไหม?

การรักษาโรคสมองเสื่อมขึ้นอยู่กับสาเหตุ บางชนิดสามารถรักษาให้หายได้ เช่น สมองเสื่อมจากต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ รักษาได้ด้วยการรับประทานยา แต่หากเกิดจากโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่พบในคนส่วนใหญ่ ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่มียาที่ช่วยชะลออาการของโรคได้

โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุอยู่ได้กี่ปี?

ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อมอาจมีอายุอยู่ได้ประมาณ 7-10 ปี เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถรักษาโรคสมองเสื่อมได้ จึงทำได้เพียงให้ยาเพื่อช่วยชะลอความรุนแรงของโรคให้ช้าที่สุดเท่านั้น

ความจำหายชั่วขณะเกิดจากอะไร?

เมื่อมีเหตุการณ์มากระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง จิตใจของคนเราจะมีกลไกป้องกันตัวเองโดยฝังเรื่องราวเหล่านั้นไว้ในจิตใต้สำนึก คล้ายกับความทรงจำในวัยเด็กบางเรื่องที่ถูกลืมไป ทำให้ผู้ป่วยจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้ชั่วคราว แต่ยังจำเรื่องราวในอดีต และรับรู้สิ่งอื่นๆ ได้ตามปกติ

ภาวะสมองเสื่อมเป็นส่วนหนึ่งของการแก่ชราตามปกติหรือไม่?

โรคสมองเสื่อมไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการแก่ชรา ผู้สูงอายุทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นโรคสมองเสื่อมเสมอไป หลายคนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แม้บางครั้งอาจมีอาการหลงลืม เช่น ลืมว่าวางของไว้ที่ไหน หรือจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ แต่ไม่ถึงขั้นกระทบต่อชีวิตประจำวัน

ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมอย่างไร?

การดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมต้องใช้ความใจเย็น และความเข้าใจ เนื่องจากผู้ป่วยมักจะอารมณ์เสียง่าย ฉุนเฉียว ก้าวร้าว และอาจแสดงพฤติกรรมที่คนทั่วไปไม่เข้าใจ เช่น การถามคำถามเดิมซ้ำๆ หรือดื้อรั้นจะทานอาหารแม้ว่าจะเพิ่งทานไป

ผู้ดูแลต้องพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะอารมณ์ และส่งเสริมให้ผู้ป่วยดูแลตนเองให้มากที่สุด โดยการทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้น เช่น วางของไว้ในตำแหน่งเดิม จัดลำดับสิ่งของที่ต้องใช้ก่อน - หลัง ดูแลกิจวัตรให้ผู้ป่วยได้พักผ่อน กินอาหาร และออกกำลังกายอย่างเพียงพอ พาไปทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือออกไปพบปะเพื่อนเป็นครั้งคราว เพื่อลดความเครียด หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น นอนไม่หลับ ซึมเศร้ามาก เห็นภาพหลอน ควรปรึกษาแพทย์

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111