โรคหัวใจ

  • โรคหัวใจ คือโรคที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของหัวใจ สามารถแบ่งย่อยได้หลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป ทำให้การรักษาและการดูแลสุขภาพไม่เหมือนกัน
  • โรคหัวใจสามารถแบ่งได้หลักๆ เป็น 6 ชนิด ได้แก่ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ  โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ และโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
  • สาเหตุของโรคหัวใจมักเกิดจากพันธุกรรม อายุ เพศ การทานรับประทานอาหารไขมันสูง ไม่ออกกำลังกาย ความเครียด การสูบบุหรี่ โรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูง
  • การรักษาโรคหัวใจสามารถทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การรับประทานยา เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด หรือการผ่าตัด

รู้ไว้ก่อน ป้องกันได้! โรคหัวใจ ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหัวใจเป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญ ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย  ถ้าหัวใจแข็งแรง ทำงานได้เป็นปกติ ก็ทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายของเราทำงานได้ดีเป็นปกติด้วยเช่นกัน 

แม้ว่าโรคหัวใจ อาจฟังดูน่ากลัวสำหรับหลายๆ คน เพราะมักมาในรูปแบบของภัยเงียบ มีอาการไม่ชัดเจน หรือมีอาการคล้ายกับโรคอื่น เพื่อให้รู้เท่าทันโรคหัวใจ ก่อนที่จะสายเกินแก้ มาเช็กอาการของโรคหัวใจ สาเหตุ ภาวะแทรกซ้อน การป้องกันและการรักษาได้ในบทความนี้ 

รู้จัก โรคหัวใจ คืออะไร

รู้จัก โรคหัวใจ คืออะไร


โรคหัวใจ (Heart Disease) คือโรคที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของหัวใจ เนื่องด้วยหัวใจทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อเกิดผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ อาจส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โรคหัวใจสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดเกิดในส่วนของหัวใจที่แตกต่างกันออกไป ทำให้การรักษาและการดูแลสุขภาพไม่เหมือนกัน

โรคหัวใจเป็นหนึ่งในโรคที่มีอัตราผู้เสียชีวิตสูง องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก สำหรับประเทศไทยนั้นพบว่ามีผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง 7 หมื่นราย เฉลี่ย 8 คนต่อชั่วโมง และมีผู้ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้น 21,700 รายต่อปี ทั้งนี้ยังมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
 

เช็กอาการของโรคหัวใจ มีกี่ชนิด?

เช็กอาการของโรคหัวใจ มีกี่ชนิด?


โรคหัวใจแบ่งได้หลายชนิด มาเช็กดูอาการโรคหัวใจชนิดต่างๆ ว่ามีลักษณะและอาการอย่างไร 

1. โรคกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiomyopathy)


โรคกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiomyopathy) เกิดจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจมีการทำงานผิดปกติ ซึ่งเป็นได้ทั้งโรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ (Hypertrophic Cardiomyopathy) และโรคกล้ามเนื้อหัวใจชนิดห้องหัวใจขยายผิดปกติ (Dilated Cardiomyopathy) สำหรับผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติจะพบว่าหัวใจห้องล่างซ้ายหนาตัวขึ้น และมีลักษณะที่แตกต่างกันไป อาจจะหนาตัวทั่วๆ ไป เป็นส่วน เป็นหย่อม หรืออาจมีการหนาตัวไปจนถึงบริเวณลิ้นหัวใจ ผนังหัวใจ หรือผนังกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวาได้ 

โรคนี้เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผู้ป่วยอาจไม่แสดงอาการของโรคหัวใจ หรือพบอาการเพียงเล็กน้อย และโรคนี้ยังเป็นสาเหตุหนึ่งของการเสียชีวิตแบบเฉียบพลันอีกด้วย

โรคกล้ามเนื้อหัวใจชนิดห้องหัวใจขยายผิดปกติ เกิดจากกล้ามเนื้อห้องหัวใจขยายตัวและบางลง ส่งผลให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ การขยายตัวของห้องหัวใจอาจส่งผลต่อลิ้นหัวใจ การไหลเวียนโลหิตทำงานแย่ลง จนส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย ผู้ป่วยมักมีอาการเหนื่อยง่าย หายใจเร็วและสั้น ใจเต้นเร็ว ใจสั่น รวมทั้งอาจมีอาการบวมที่ขาหรือเท้าได้เช่นกัน


2. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Heart Disease)


โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Heart Disease) เกิดจากการสะสมของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีและเม็ดเลือดขาวในชั้นใต้เยื่อบุหลอดเลือด หากปล่อยไว้จะเกิดหินปูนสะสมภายในผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัว หลอดเลือดแดงจึงตีบตัน แคบลง ขวางทางเดินเลือด เลือดผ่านได้น้อยลง ส่งผลให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้ 

หากหลอดเลือดหัวใจตีบมากและอุดตัน ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บกลางอกร้าวไปยังคางหรือต้นแขน มักเกิดขณะออกกำลังกาย เวลาออกแรงจะเหนื่อยง่าย อาจมีหมดสติหรือหัวใจหยุดเต้น หากรุนแรงมากอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้


3. โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac Arrhythmia)


โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac Arrhythmia) คือภาวะที่หัวใจเต้นช้าไป เร็วไป หรือไม่สม่ำเสมอ สามารถเกิดได้กับคนทั่วไปที่ไม่ป่วยเป็นโรคหัวใจมาก่อน หรือผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีภาวะผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจอยู่แล้ว โดยสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานยาหรืออาหารบางชนิด เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือการใช้สารเสพติด 

นอกจากนี้ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจเป็นอาการแทรกซ้อนจากโรค เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือจากโรคหัวใจอื่นๆ ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บหน้าอก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หายใจถี่  วิงเวียนศีรษะ เป็นลมและหมดสติ


4. โรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ (Heart Infection)


โรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ (Heart Infection) มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคหัวใจ แต่ก็สามารถเกิดได้กับคนที่มีหัวใจปกติ การติดเชื้อสามารถเกิดได้จากเชื้อไวรัส วัณโรค แบคทีเรีย หรือปรสิต เช่น การติดเชื้อจากฟันผุ เหงือกอักเสบ ลุกลามจนถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือด โดยเชื้อจะเข้าไปเกาะอยู่ตามบริเวณลิ้นหัวใจหรือตามผนังหัวใจ ทำให้หลอดเลือดอุดตัน อักเสบ เกิดฝีหนองตามร่างกาย เป็นโรคที่มีความรุนแรง ทำให้เกิดความพิการและเสียชีวิตสูง 

อาการที่พบคืออาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีไข้ ปวดเมื่อยตามข้อและกล้ามเนื้อ น้ำหนักลด มีจุดแดงตามร่างกาย ซีด อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นอัมพาต ไตวาย และหัวใจวาย 


5. โรคลิ้นหัวใจ (Valvular Heart Disease)


โรคลิ้นหัวใจ (Valvular Heart Disease) เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจตีบ ทำให้เลือดไหลเวียนผ่านหัวใจได้ไม่ดี หรือลิ้นหัวใจรั่ว ภาวะลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท ที่ทำให้เลือดย้อนกลับ 

โดยลิ้นหัวใจมี 4 ลิ้น ทำหน้าที่เปิด-ปิดระหว่างหัวใจห้องบนกับหัวใจห้องล่าง โรคหัวใจที่เกิดจากลิ้นหัวใจหนึ่งลิ้นหรือมากกว่าทำงานผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจจะทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ ผู้ป่วยมักมีอาการหายใจลำบาก นอนราบไม่ได้ ท้องอืดบวม เหนื่อยง่าย หน้ามืด หมดสติ หรือมีภาวะแทรกซ้อนจากน้ำท่วมปอดได้


6. โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital heart disease)


โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด คือความผิดปกติของโครงสร้างของหัวใจหรือหลอดเลือดใกล้หัวใจมีสาเหตุมาจากโรคทางพันธุกรรมร่วมกับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม สำหรับเด็กที่มีโรคทางพันธุกรรมบางอย่างมักจะมีภาวะโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดร่วมด้วย 

ในด้านปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่น การที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีโรคประจำตัวเบาหวาน การรับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลโดยตรงต่อทารก หรือการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ การใช้สารเสพติด ก็เพิ่มโอกาสให้ทารกในครรภ์ป่วยเป็นโรคหัวใจพิการได้เช่นเดียวกัน
 
อาการของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมักพบว่าจะมีอาการเล็บและริมฝีปากม่วงคล้ำ หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว หายใจลำบาก โตช้า มีเหงื่อออกเยอะ ดื่มนมน้อย อ่อนเพลีย

สาเหตุของโรคหัวใจ เกิดจากอะไรได้บ้าง?

สาเหตุของโรคหัวใจ เกิดจากอะไรได้บ้าง?


สาเหตุของโรคหัวใจนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจ แต่ก็มีจุดที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกันอยู่ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก ดังนี้ 


ปัจจัยภายใน


สำหรับปัจจัยภายในนั้นเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้ 

  • พันธุกรรม เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหัวใจอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก หากพบว่ามีประวัติของคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคหัวใจ ก็อาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจมากกว่าคนปกติ
  • อายุที่มากขึ้นก็ทำให้เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ด้วยประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจลดลง เพิ่มโอกาสเสี่ยงเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แต่ในปัจจุบันพบคนอายุน้อยเป็นโรคหัวใจมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และการไม่ออกกำลังกาย
  • เพศ พบว่าการเกิดโรคหัวใจในเพศชายสูงกว่าผู้หญิง เนื่องมาจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และผู้หญิงจะเสี่ยงโรคหัวใจมากขึ้นหลังหมดประจำเดือน 

ปัจจัยภายนอก


ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นเพื่อลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจได้ โดยปัจจัยภายนอกมีดังนี้

  • ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ระดับไขมันม่ดีในเลือดสูงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากไขมันที่สะสมจะทำให้เกิดหินปูนเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เกิดหลอดเลือดตีบได้ 
  • ความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูง ทำให้หลอดเลือดหัวใจเสื่อมลง ทำให้หลอดเลือดตีบตัน และความดันโลหิตสูงยังทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว หัวใจทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้เกิดโรคหัวใจตามมา
  • โรคเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวานมักมีภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยนั่นก็คือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงเสื่อม กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้น้อยลง ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าคนทั่วไป
  • โรคอ้วน มักแฝงไปด้วยโรคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และความดันโลหิตสูง จึงทำให้ผู้ป่วยโรคอ้วนเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
  • การสูบบุหรี่ บุหรี่มีสารพิษหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อหลอดเลือด การสูบบุหรี่ยังทำให้หัวใจเต้นเร็ว เส้นเลือดหัวใจตีบ และความดันโลหิตสูง
  • การไม่ออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายและกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง การไม่ออกกำลังกายจึงเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ
  • ความเครียด เป็นภัยร้ายที่ทำให้ร่างกายเจ็บป่วย เมื่อเกิดความเครียดสมองจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) และอะดรีนาลีน (Adrenaline) ทำให้เลือดสูบฉีดมากกว่าปกติ หัวใจเต้นเร็ว ตับผลิตคอเลสเตอรอลมากขึ้น ซึ่งล้วนเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ 

ภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจที่เกิดขึ้นได้

ภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจที่เกิดขึ้นได้


โรคหัวใจยังตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยผู้ป่วยโรคหัวใจมักมีภาวะแทรกซ้อน ดังนี้


โรคหลอดเลือดสมอง


โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดแดงอุดตัน เลือดเข้าสู่สมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองขาดเลือด เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือโรคลิ้นหัวใจติดเชื้อ เป็นต้น 


โรคหลอดเลือดส่วนปลาย


โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เป็นโรคที่เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังส่วนแขนและขาได้ไม่ดี ทำให้เกิดอาการปวดแขนและขาเมื่อมีการออกแรง หากเกิดการตีบตันรุนแรง จะทำให้เนื้อเยื่อส่วนปลายขาดเลือดและตายได้ 


ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน


ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) คือการทำงานของหัวใจผิดปกติ สูญเสียการทำงานของหัวใจอย่างกะทันหัน ส่งผลให้หัวใจขาดการบีบตัวหัวใจหยุดเต้น ทำให้ผู้ป่วยหมดสติ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงทีจะส่งผลให้เสียชีวิตได้


ภาวะหัวใจล้มเหลว


ภาวะหัวใจล้มเหลวCongestive Heart Failureเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในคนที่เป็นโรคหัวใจ เมื่อหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ลิ้นหัวใจ ทำให้เกิดอาการหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก นอนราบไม่ได้ บวม ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้


หลอดเลือดแดงโป่งพอง


หลอดเลือดแดงโป่งพอง (Aortic Aneurysm) คือภาวะหลอดเลือดแดงขยายตัวใหญ่ขึ้น เกิดได้ทุกที่ของร่างกาย หากหลอดเลือดที่โป่งพองแตก จะทำให้เกิดเลือดออกซึ่งทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้ 

ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคหัวใจ

 

ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคหัวใจ


ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคหัวใจ แพทย์จะทำการซักประวัติคนไข้ และประวัติโรคหัวใจในครอบครัวอย่างละเอียด และจะพิจารณาตรวจเลือด เอกซเรย์ทรวงอก และวินิจฉัยเพิ่มเติมโดยการส่งตรวจอื่นๆ ดังนี้

  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เป็นการตรวจที่ใช้เวลารวดเร็ว ซึ่งการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจใช้เพื่อตรวจจังหวะการเต้นของหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ อาการหัวใจวาย หรือหัวใจล้มเหลว
  • การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiography) เป็นการตรวจเพื่อดูโครงสร้างของหัวใจ ขนาดของหัวใจ การทำงานของลิ้นหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ ผนังกั้นห้องหัวใจ และเยื่อหุ้มหัวใจ
  • การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test) คือการทดสอบสมรรถภาพของหัวใจ โดยการเพิ่มอัตราการเต้นและบีบตัวของหัวใจด้วยการออกกำลังกาย และดูการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย เป็นการตรวจหาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะที่เกิดจากการออกกำลังกาย
  • การตรวจหัวใจด้วยคลื่นสะท้อนแม่เหล็กไฟฟ้า (Cardiac MRI) เป็นการใช้คลื่นเเม่เหล็กในการตรวจ ทำให้เห็นความสามารถในการทำงานของหัวใจ วัดปริมาณเลือดที่วิ่งไหลผ่านหัวใจห้องต่างๆ และยังสามารถฉีดสารกระตุ้นเพื่อดูเส้นเลือดหัวใจตีบ และฉีดสารชนิดพิเศษเพื่อดูรอยแผลเป็นในห้องหัวใจ
  • 64-Slice Multidetector Computed Tomography Angiography (MDCTA) การตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ รุ่น Somatom Sensation Cardiac64 เป็นเครื่องที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า สามารถทำการตรวจผู้ป่วยที่มีแนวโน้มในการเป็นโรคทางด้านหัวใจ เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ หรืออุดตัน ซึ่งช่วยในการตรวจผู้ป่วยที่ยังไม่มีอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจหลอดเลือดให้เห็น ทำให้สามารถป้องกันและทำการรักษาต่อไปได้ทันเวลาและยังเป็นเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถสร้างภาพได้ครั้งเดียว 64 ภาพต่อการหมุน 1 รอบ (360 องศา)  สามารถหมุนด้วยความเร็วเพียง 0.33 วินาที ซึ่งเป็นความเร็วที่ทำให้ทำการตรวจหัวใจได้ดีที่สุด เนื่องจากหัวใจมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา
  • การสวนหัวใจ เป็นการตรวจเพื่อวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคลิ้นหัวใจ หรือผนังกั้นหัวใจผิดปกติ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด แพทย์จะใช้สายสวนขนาดเล็กใส่เข้าไปตามหลอดเลือดแดงแล้วจะใช้สารทึบรังสีเอกซเรย์ฉีดเข้าไป เพื่อตรวจสอบว่ามีเส้นเลือดตีบหรือไม่
  • Coronary Angiography (การตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี่) คือการฉีดสารทึบแสงเพื่อตรวจเส้นเลือดหัวใจ โดยแพทย์จะใช้สายสวนขนาดเล็ก (ประมาณ 2 มม.) ใส่เข้าไปตามหลอดเลือดแดงจากบริเวณขาหนีบหรือแขน จนถึงหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ (Coronary artery) แล้วฉีดสารทึบแสงเข้าทางสายสวนนั้น เพื่อตรวจดูว่ามีการตีบแคบหรือตันของหลอดเลือดโคโรนารี่บริเวณใดหรือไม่ ซึ่งภาพจะปรากฏให้เห็นในจอมอนิเตอร์อย่างชัดเจน เมื่อพบว่ามีการตีบตันของหลอดเลือดหัวใจก็สามารถให้การรักษาได้ทันที
  • Percutaneous Transluminal Coronary Angioplasty and Stenting (การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี่ที่ตีบแคบ) คือการรักษาโรคหลอดเลือดโคโรนารี่ที่ตีบแคบ โดยการใช้สายสวนที่มี Balloon เล็กๆอยู่ส่วนปลาย ใส่เข้าไปให้ถึงบริเวณที่มีหลอดเลือดตีบแคบ แล้วเป่าลมเข้าไปทำให้พองออกตรงตำแหน่งที่ตีบแคบพอดี แรงกดจะทำให้หลอดเลือดที่ตีบแคบขยายออก บ่อยครั้งอาจมีการใส่ขดลวดสปริงเล็กๆ(stent) เพื่อป้องกันการตีบซ้ำภายหลัง
  • Exercise Stress Test (การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย) คือการให้ผู้ป่วยออกกำลังกายโดยการเดินบนสายพานตามโปรแกรมที่กำหนด เพื่อมุ่งเน้นการตรวจหาภาวะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบหรือขาดเลือดเป็นสำคัญ หรือ อาจใช้ตรวจหาการเต้น ผิดจังหวะที่เกิดร่วม กับการออกกำลังกายอีกด้วย การทดสอบชนิดนี้ใช้ในการวินิจฉัยแยกโรคในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บแน่น หน้าอกได้เป็นอย่างดี
  • 24 Hours Ambulatory ECG Recording (การตรวจบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมงชนิดพกพา) คือ การตรวจหัวใจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24  ชั่วโมง เป็นการติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง ไว้กับตัวท่าน โดยที่ท่านสามารถกลับไปพักที่บ้าน หรือทำงาน ได้ตามปกติ โดยไม่ต้องเสียเวลานอน พักค้างที่โรงพยาบาล และเมื่อครบกำหนด 24 ชั่วโมงแล้ว ท่านจึงกลับมา ถอดเครื่อง และรอรับทราบผล การตรวจวิเคราะห์จากแพทย์ได้   การตรวจวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่อาจจะมีปัญหาใจสั่นผิดปกติเป็นครั้งคราว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม อยู่เสมอ เวียนศีรษะ ใจเต้นแรงผิดปกติเป็นประจำ
  • Tilt Table Test การทดสอบภาวะการเป็นลมหมดสติ โดยการปรับระดับเตียง เป็นการตรวจพิเศษที่ใช้ทดสอบผู้ป่วย ที่มีอาการเป็นลมโดยไม่ทราบสาเหตุ เพื่อหาทางแก้ไขหรือรักษาให้ถูกต้องต่อไป เนื่องจากอาการเป็นลมหมดสติ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจจะมาจากปัญหาทางด้านสมอง  หัวใจ  ความดันโลหิตต่ำ หรือความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic nervous systems) Tilt Table Test เป็นการตรวจหาสาเหตุของการเป็นลมที่เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเป็นลม ที่พบบ่อยที่สุด

 

รวมวิธีการรักษาโรคหัวใจ

 

รวมวิธีการรักษาโรคหัวใจ 


โรคหัวใจบางชนิดสามารถรักษาให้หายหรือดีขึ้นได้ ตั้งแต่การป้องกันได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีการรักษาโรคหัวใจทำได้หลายวิธีดังนี้ 


1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต


วิธีง่ายๆ ใกล้ตัวที่ใครก็สามารถทำได้คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้นและหลากหลาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 


2. การรักษาด้วยยา


ผู้ป่วยโรคหัวใจบางรายไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเดียวได้ จึงต้องมีการรับประทานยาร่วมด้วยเพื่อป้องกันและควบคุมโรค


3. การรักษาด้วยหัตถการหลอดเลือดหรือการผ่าตัด


การรักษาโรคหัวใจด้วยการผ่าตัด แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด ที่เป็นการผ่าตัดโดยใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม (Heart – Lung Bypass Machine) ในการผ่าตัด และการผ่าตัดหัวใจแบบปิด คือการผ่าตัดโดยไม่ต้องเปิดหัวใจ เช่น การผ่าตัดหลอดเลือดที่ออกจากหัวใจโดยที่ไม่ได้เข้าไปผ่าตัดภายในหัวใจ 

รวมถึงหัตถการหลอดเลือดอื่นๆ ที่ช่วยรักษาโรคหัวใจ เช่น การทำบอลลูนหัวใจและใส่ขดลวด การใส่ลิ้นหัวใจเทียม การจี้หัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงโดยการใส่สายผ่านทางหลอดเลือด และการปิดผนังกั้นหัวใจที่รั่วด้วยอุปกรณ์พิเศษผ่านทางหลอดเลือด


4. การรักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด


การทำกายภาพบำบัดจะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงขึ้น สามารถออกกำลังกายได้มากขึ้น ในช่วงแรกอาจทำโดยอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์และนักกายภาพบำบัด เมื่อคุ้นชินแล้วก็สามารถปรับเปลี่ยนและทำได้เองที่บ้าน


รวมวิธีป้องกัน ลดโความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ


โรคหัวใจสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้ ซึ่งวิธีการป้องกันขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจ มีปัจจัยหลายๆ อย่างที่เราสามารถควบคุมและปฏิบัติตาม เพื่อลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจในอนาคตได้ ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารไขมันสูง 
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินค่ามาตรฐาน
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ วันละ 30 นาทีอย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 วัน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • การจัดการความเครียดให้ดี
     

การรักษาโรคหัวใจที่โรงพยาบาลวิภาวดี


เรื่องหัวใจต้องใส่ใจ โรงพยาบาลวิภาวดีต้องการให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี หัวใจที่แข็งแรง อายุรกรรมโรคหัวใจ โรงพยาบาลวิภาวดี มีบริการตรวจสุขภาพหัวใจ เพื่อสุขภาพหัวใจของทุกคน โดยมีการตรวจสุขภาพหัวใจ ที่รวบรวมการตรวจพิเศษเฉพาะ และตรงกับความต้องการของแต่ละคน เพื่อให้การรักษาสามารถทำได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถนัดหมายได้อย่างสะดวกผ่านเว็บไซต์ของ โรงพยาบาลวิภาวดี

สรุป


โรคหัวใจ คือความผิดปกติที่เกิดกับหัวใจหรือหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคลิ้นหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจติดเชื้อ เป็นต้น ซึ่งมักเกิดจากไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน การสูบบุหรี่ หรือปัจจัยทางพันธุกรรม การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้ยา หรือการผ่าตัด การป้องกันก็สามารถทำได้ด้วยการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกาย การควบคุมน้ำหนัก การไม่สูบบุหรี่ และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ 

โรคหัวใจเป็นโรคใกล้ตัวที่มีแนวโน้มของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี การดูแลสุขภาพที่ดีจึงเป็นเรื่องจำเป็น โรงพยาบาลวิภาวดี มีโปรแกรมตรวจสุขภาพหัวใจ Health Heart Program และ Heart - Platinum Program ที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสม ตรงกับความเสี่ยงของแต่ละคน

FAQ


รวบรวมคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับโรคหัวใจที่พบบ่อย มาตอบไว้ที่นี่


อาการโรคหัวใจแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์?


ควรไปพบแพทย์เมื่อมีอาการเตือนของโรคหัวใจ เช่น เหนื่อยง่าย ใจสั่น หน้ามืด วิงเวียน หัวใจเต้นผิดจังหวะ นอนราบไม่ได้ แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอกร้าวไปยังแขน คาง แขนขาบวม ไอแห้งเรื้อรัง เป็นต้น


โรคหัวใจแบบไหนอันตรายที่สุด?


โรคหัวใจที่อันตรายที่สุดคือโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน เพราะเกิดขึ้นแบบกะทันหัน มีความรุนแรงและอันตรายถึงชีวิตได้


คนเป็นโรคหัวใจต้องระวังเรื่องอะไร?


เมื่อป่วยเป็นโรคหัวใจ สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือเรื่องอาหารการกิน ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือมีรสจัด
 

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111

ศูนย์หัวใจวิภาวดี ชั้น 3 อาคาร 1

ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.  

add friends


ทีมแพทย์โรคหัวใจ