หมอนรองกระดูกสันหลังก็เหมือนโช้คอัพที่คอยรับแรงกระแทกของกระดูกสันหลัง ซึ่งภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ถือเป็นโรคที่สามารถพบได้บ่อยในวัยผู้ใหญ่ เป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันในหลายด้าน หากปล่อยทิ้งไว้นาน ไม่เข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี อาจทำให้อาการรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนมีโอกาสเกิดความพิการได้ แล้วอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเป็นอย่างไร รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือที่เรียกกันว่า ‘หมอนรองกระดูกทับเส้น’ คือภาวะที่หมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งคั่นอยู่ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละชิ้น ทำหน้าที่คล้ายโช้คอัพรถยนต์สำหรับรองรับแรงกระแทกและทำให้กระดูกสันหลังมีความยืดหยุ่น เกิดความเสียหาย เสื่อมสภาพ ความสูงลดลง หรือเกิดการฉีกขาดจนแตกและปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาทในโพรงกระดูกสันหลัง
โดยเฉพาะบริเวณกระดูกสันหลังระดับเอวข้อที่ 4 - 5 ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวและรับน้ำหนักของร่างกายมากกว่าบริเวณอื่น โดยทั่วไปมักพบในผู้ที่มีอายุระหว่าง 30 - 50 ปี และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยในแต่ละปีจะพบผู้ที่เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทประมาณ 1 - 3% ของจำนวนประชากรทั้งหมด
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทสามารถแบ่งตามความรุนแรงได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
ระดับเล็กน้อยมีอาการปวดเพียงเล็กน้อย ไม่มีอาการชาหรืออ่อนแรงอย่างชัดเจน สามารถดำเนินชีวิตประจำวัน รวมทั้งเล่นกีฬาได้ตามปกติ หากมีอาการระดับเล็กน้อยจะทำการรักษาโดยให้ผู้ป่วยหมั่นสังเกตอาการตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และอาจใช้ยาบรรเทาอาการเมื่อมีความจำเป็น
ระดับปานกลางมีอาการปวดแต่ยังสามารถทนได้ เกิดอาการชาหรืออ่อนแรงบ้าง แต่ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ อาการหมอนรองกระดูกเคลื่อนระดับปานกลางสามารถรักษาได้หลายวิธี เช่น การกินยา การทำกายภาพบำบัด ฝังเข็ม การฉีดยาลดการอักเสบ หรือการผ่าตัด ซึ่งจะรักษาด้วยวิธีใดนั้นแพทย์จะเป็นผู้ทำการวินิจฉัยตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย
ระดับรุนแรงมากมีอาการปวดอย่างรุนแรงจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เกิดภาวะอ่อนแรงของกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน เช่น ไม่สามารถกระดกข้อเท้า การควบคุมการขับถ่ายผิดปกติ เช่น ปัสสาวะไม่ออกหรือไหลโดยไม่รู้ตัว อาการเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เพื่อฟื้นฟูการทำงานของเส้นประสาท และเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวกลับมาสู่สภาวะปกติ
อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มักมีอาการดังต่อไปนี้
กรณีที่หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทบริเวณหลังส่วนล่าง จะมีอาการปวดหลังร้าวลงด้านหลังของต้นขา ลงบริเวณน่องจนถึงข้อเท้าหรือปลายเท้าข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง
หากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทบริเวณคอ จะมีอาการปวดบริเวณหลังส่วนบน ไล่ไปตามสะบัก แล้วร้าวไปหัวไหล่ลงถึงแขนหรือมือ หากมีการไอหรือจามอาจรู้สึกปวดร้าวมากขึ้น
มีอาการชาบริเวณปลายเท้าหรือปลายแขน โดยเฉพาะบริเวณง่ามนิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วเท้าที่ 2
เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เส้นประสาทที่ถูกกดจนเสียหายจะส่งผลต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่เส้นประสาทเส้นนั้นไปเลี้ยง ทำให้เกิดการอ่อนแรง เช่น กระดกข้อเท้าไม่ได้
ในกรณีที่หมอนรองกระดูกเคลื่อนอาการรุนแรงมาก จะเกิดความผิดปกติของระบบขับถ่าย เช่น ปัสสาวะไม่ออก ไม่สามารถควบคุมการอุจจาระหรือปัสสาวะได้ ท้องผูก เป็นต้น
ในกรณีที่รุนแรงมากและไม่ได้รับการรักษา เส้นประสาทอาจบาดเจ็บและเสียหายถาวรจนทำให้พิการ หรือเดินไม่ได้
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเกิดขึ้นมาได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
การเกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บอย่างรุนแรงเช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ ตกจากที่สูง ลื่นล้ม อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา ทำให้ความดันในหมอนรองกระดูกหรือช่องท้องเพิ่มขึ้นอย่างเฉียบพลัน จนทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนตัวออกมากดเบียดเส้นประสาท
การใช้งานหลังหนักและไม่ถูกวิธีเช่น ยกของหนัก การก้มหลังด้วยท่าทางที่ผิดวิธี การนั่งหรือยืนด้วยท่าทางที่ผิดวิธีเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีการขยับร่างกาย การบิดตัวหรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางที่ผิด
การมีน้ำหนักตัวมากหรืออยู่ในภาวะโรคอ้วนทำให้กระดูกสันหลังต้องแบกรับน้ำหนักมากเกินไป
การมีภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพตามอายุเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของหมอนรองกระดูกจนเกิดการแตกและปลิ้น
การไอหรือจามแรงๆทำให้แรงดันในหมอนรองกระดูกเพิ่มขึ้นอย่างเฉียบพลันได้
การสูบบุหรี่บุหรี่ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควรได้
ก่อนทำการรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แพทย์จะทำการวินิจฉัยอาการและความรุนแรงเพื่อพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของโรค โดยมีขั้นตอนการวินิจฉัยดังนี้
แพทย์จะซักประวัติเพื่อพิจารณาถึงสาเหตุและปัญหาที่ทำให้เกิดอาการของผู้ป่วย เช่น พนักงานออฟฟิศที่นั่งทำงานเป็นเวลานานๆ หรือผู้ที่ทำงานยกของหนักเป็นประจำ
แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย โดยเฉพาะการทำงานของเส้นประสาท เพื่อประเมินอาการในเบื้องต้นว่าผู้ป่วยมีภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทหรือไม่
หากพบว่าผู้ป่วยมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท แพทย์จะยืนยันผลเพิ่มเติมด้วยการตรวจโดยใช้เครื่องถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ MRI เพื่อตรวจสอบโครงสร้างของหมอนรองกระดูกสันหลังและเส้นประสาทให้ชัดเจน และดูว่ามีการกดทับเส้นประสาทที่ตำแหน่งไหน มากน้อยเพียงใด แล้วจึงพิจารณาเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วยมากที่สุด
การรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการรักษาโดยการผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค ดังนี้
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด เป็นการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอาการปวดและบรรเทาอาการอื่นๆที่เกิดขึ้นเนื่องจากระบบประสาท โดยมีวิธีดังนี้
การรักษาแบบอนุรักษ์ (Conservative Treatment)เป็นการรักษาที่ทำได้หลายวิธี เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม งดทำกิจกรรมหนัก การใช้เสื้อพยุงหลัง การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน การกินยาต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด การทำกายภาพบำบัด การบริหารกล้ามเนื้อและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ
การฉีดยาสเตียรอยด์ (Epidural Steroid Injection)เป็นการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปในโพรงเส้นประสาท บริเวณใกล้กับเส้นประสาทตรงตำแหน่งที่หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทอยู่ เพื่อบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบ
ในกรณีที่ผู้ป่วยทำการรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทแบบไม่ผ่าตัดแล้วอาการไม่ดีขึ้น ยังคงมีอาการแขนขาชาและอ่อนแรง ยกแขนขาไม่ขึ้น เดินลำบาก มีอาการปวดอย่างรุนแรงจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ แพทย์จะพิจารณาเลือกใช้การรักษาแบบผ่าตัด ซึ่งเป็นวิธีที่ให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและใช้เวลาไม่นาน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ดังนี้
การผ่าตัดหมอนรองกระดูกด้วยกล้อง Microscope (Microscope Assisted Lumbar Discectomy) เป็นเทคนิคการผ่าตัดโดยการส่องกล้อง Microscope ที่มีกำลังขยายสูงกว่าปกติ 20 - 100 เท่า แพทย์สามารถมองเห็นรายละเอียดของเส้นประสาทได้อย่างชัดเจน แม้จะยังเป็นการผ่าตัดแบบเปิดแผล แต่แผลผ่าตัดก็มีขนาดเล็กเพียง 2 - 3 เซนติเมตร ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน ผู้ป่วยจึงสามารถฟื้นตัวได้เร็ว
การผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทด้วยการส่องกล้อง Endoscope (Full Endoscopic Lumbar Discectomy) เป็นเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมสูง การผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้แพทย์จะทำการเจาะรูสอดท่อขนาดเล็กเท่าปากกา และสอดอุปกรณ์เข้าไปผ่าตัด
การผ่าตัดแบบส่องกล้องช่วยให้แพทย์มองเห็นเส้นประสาทบริเวณที่เกิดปัญหาได้อย่างชัดเจน และทำการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น จึงช่วยลดโอกาสในการทำลายเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง ลดโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้ร่างกายมีความบอบช้ำน้อย แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กมากเพียง 8 มิลลิเมตร จึงเสียเลือดน้อย ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวหลังการผ่าตัดได้อย่างรวดเร็ว และสามารถกลับบ้านได้ภายใน 24 ชั่วโมง
การผ่าตัดแบบใส่เหล็กเชื่อมข้อ (Spinal Fusion) จะผ่าในกรณีที่หมอนรองกระดูกเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง มีการปลิ้นซ้ำที่ตำแหน่งเดิม มีการเคลื่อนผิดรูปของกระดูกสันหลัง แพทย์จะทำการผ่าตัดเชื่อมกระดูกสองปล้องเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้กระดูกสันหลังมีความมั่นคงขึ้น
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทสามารถป้องกันได้หลายวิธี ดังนี้
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและท่าทาง เช่น การนั่งด้วยท่านั่งและท่ายืนที่ถูกวิธี ไม่นั่งนานเกินไป เปลี่ยนการยกของหนักจากพื้นด้วยการย่อเข่าแทนการก้มโค้งหลัง
ออกกำลังกายและบริหารกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อหลังและท้อง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ป้องกันการบาดเจ็บและยืดอายุการใช้งานของหมอนรองกระดูกสันหลัง
ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
งดสูบบุหรี่
หากมีอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานจนมีความรุนแรงมากขึ้น สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดีทำการผ่าตัดโดยทีมศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ด้านการผ่าตัดหมอนรองกระดูกโดยเฉพาะ สามารถแนะนำและเลือกใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วยได้อย่างตรงจุด ดูแลโดยทีมพยาบาลและผู้ดูแลมืออาชีพ ผู้ป่วยจึงมีสุขภาพดีขึ้นอย่างชัดเจนและสามารถกลับไปใช้ชีวิตประวันได้ตามปกติหลังเข้ารับการรักษา
เพื่อให้การรักษาสามารถทำได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถนัดหมายได้อย่างสะดวกผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาลวิภาวดีและสามารถตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ที่นี่และสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์ประกันผู้ป่วย สามารถสอบถามค่าใช้จ่าย และค่าผ่าตัดประมาณการได้ที่แผนกผู้ป่วยในโทรศัพท์: 02-561-1111 ต่อ 4137,4139นอกจากนี้ยังมีช่องทางสำหรับการติดต่อของตัวแทนประกันชีวิตต่างๆ ทางLine ID: @vibhainsurance
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท คือภาวะที่หมอนรองกระดูกสันหลังเกิดความเสียหายและเสื่อมสภาพจนแตกและปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาทในโพรงกระดูกสันหลัง โดยทั่วไปมักพบในผู้ที่มีอายุระหว่าง 30 - 50 ปี พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง อาการที่พบโดยทั่วไปจะมีอาการปวดหลัง มีอาการชาบริเวณปลายเท้าหรือปลายแขน มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เกิดความผิดปกติของระบบขับถ่าย ในกรณีที่รุนแรงมากอาจเกิดความพิการ ไม่สามารถเดินได้
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทสามารถรักษาได้หลายวิธี ทั้งการรักษาแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด โดยจะรักษาด้วยวิธีการใดนั้น แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเลือกให้เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วยแต่ละราย หากต้องการรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำก่อนได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดีเพื่อพิจารณาหาวิธีรักษาโดยทีมศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยได้มาตรฐานในระดับสากล ให้บริการอย่างมืออาชีพ เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด
โรงพยาบาลวิภาวดีสนับสนุนให้ทุกๆ คนหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ลองดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพของทางโรงพยาบาลวิภาวดีได้เลย โดยสามารถเข้าไปเลือกซื้อแพ็กเกจที่เหมาะสม หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-561-1111
รวมคำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท พร้อมทั้งคำตอบเพื่อไขข้อสงสัย ดังนี้
อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทสามารถฟื้นฟูได้ด้วยกลไกการฟื้นตัวตามธรรมชาติของร่างกาย อาการปวดมักจะค่อยๆ บรรเทาลงเมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้ารับการตรวจรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วกว่าและได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีกว่า
ดังนั้น หากเริ่มมีอาการ เช่น ปวดมากหรือมีความผิดปกติที่รบกวนชีวิตประจำวัน ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง เพื่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม
หลังการผ่าตัดรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ผู้ป่วยยังคงมีโอกาสอาจกลับมาเป็นซ้ำได้ในอัตราประมาณ 10 - 15% อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวสามารถลดลงได้หากผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น หลีกเลี่ยงการก้มหลังหรือยกของหนักเกินกำลัง เลิกสูบบุหรี่ และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
การนั่งหลังค่อมหรือก้มหลังยกของหนักส่งผลเสียต่อกระดูกสันหลังเป็นอย่างมาก หากอยู่ในท่านั่ง น้ำหนักของร่างกายทั้งตัวจะมากองรวมกันอยู่ที่ช่วงเอว กระดูกสันหลังจึงรับน้ำหนักมากขึ้นประมาณ 140 - 185% โดยเฉพาะเมื่อนั่งและยกของหนักไปพร้อมกัน จะเพิ่มแรงกดดันที่กระดูกสันหลังถึง 275% อย่างไรก็ตามพบว่าท่ายืนแอ่นหลัง เป็นท่าที่ทำให้เกิดแรงดันต่อหมอนรองกระดูกสันหลังมากที่สุด
ท่านอนที่ถูกต้องสำหรับผู้ที่เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มีลักษณะดังนี้
นอนหงายโดยใช้ผ้ารองบริเวณกระดูกสันหลังส่วนล่าง และใช้หมอนวางใต้ข้อเข่า หรือวางยาวทั้งขาเพื่อยกขาขึ้น
ท่านอนตะแคง เป็นท่าที่ช่วยลดแรงดันในหมอนรองกระดูกได้ดีมาก สามารถทำได้โดยนอนตะแคง งอเข่า 90 องศา หนีบหมอนคั่นไว้ระหว่างขาทั้งสองข้าง หากมีอาการปวดที่บริเวณเอว สามารถวางผ้ารองไว้บริเวณหลังส่วนล่างได้
ท่านอนคว่ำ โดยวางหมอนรองไว้บริเวณท้องน้อยและบริเวณข้อเท้า
ผู้ที่เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทสามารถดูแลตัวเองได้หลายวิธี ทั้งการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหนักๆ เช่น การยกของหนัก การเล่นกีฬาหนัก ปรับท่าทางการนั่ง การยืน ท่านอนให้อยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง การออกกำลังกาย ยืดเหยียดและเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน การงดสูบบุหรี่ เป็นต้น
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved