โรคเส้นเลือดในสมองแตกถือเป็นหนึ่งในภาวะทางการแพทย์ที่มีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อชีวิตได้อย่างรวดเร็ว การรับรู้และเข้าใจเส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรก สาเหตุ รวมถึงวิธีการรักษาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรารู้เท่าทันและดำเนินการรักษาได้ทันเวลา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือความพิการจากภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาวะเส้นเลือดในสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) คือภาวะที่เกิดจากการที่หลอดเลือดในสมองแตก ส่งผลให้เลือดไหลออกมาสะสมในเนื้อสมองหรือรอบๆ สมอง การสะสมของเลือดนี้ทำให้เนื้อเยื่อสมองถูกกดทับ และอาจทำให้เซลล์สมองขาดเลือดและออกซิเจน นำไปสู่ความเสียหายของสมองในระดับที่แตกต่างกันไปตามความรุนแรงของภาวะดังกล่าว
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2557 พบว่ามีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทยมีอยู่ 3-4 คนต่อ 1,000 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 2-3 คนในทุก 1 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและความพิการในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ปัญหานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคอย่างจริงจังเพื่อช่วยลดอัตราการเกิดและผลกระทบของโรคนี้ในประชากรไทย
เส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกมักเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและส่งผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกายอย่างรวดเร็ว การสังเกตสัญญาณเตือนต่างๆ จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยหนึ่งในวิธีที่ใช้ในการจำแนกอาการเส้นเลือดในสมองแตก คือการสังเกตตามหลักการ BE FAST โดยจะมีรายละเอียดดังนี้
เส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกผู้ป่วยอาจสูญเสียการทรงตัว เดินเซ หรือมีปัญหาในการควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกาย บางคนอาจรู้สึกเวียนศีรษะหรือทรงตัวไม่ได้ แม้จะอยู่ในท่าทางปกติ
เส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกผู้ป่วยจะมีการมองเห็นผิดปกติ เช่น มองเห็นไม่ชัด เห็นภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็นข้างใดข้างหนึ่งแบบกะทันหัน บางรายอาจรู้สึกเหมือนมีม่านบังสายตา
เส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกสังเกตได้จากลักษณะของใบหน้าที่ผิดปกติ เช่น ปากเบี้ยว ยิ้มไม่สมดุล หรือกล้ามเนื้อใบหน้าด้านหนึ่งอ่อนแรง
กล้ามเนื้อแขนหรือขาอ่อนแรง โดยเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย ผู้ป่วยอาจไม่สามารถยกแขนทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกันได้ หรือรู้สึกว่าแขนข้างหนึ่งหนักจนควบคุมไม่ได้
เส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกผู้ป่วยจะพูดไม่ชัด พูดลำบาก หรือพูดคำผิด บางครั้งอาจไม่สามารถพูดออกมาได้เลย หรือไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด
สัญญาณเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิด การสังเกตเวลาที่อาการเริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยทีมแพทย์ประเมินและให้การรักษาได้อย่างเหมาะสม
โรคหลอดเลือดสมองหรือภาวะเส้นเลือดในสมองแตกมีความรุนแรงที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลา ตำแหน่งที่เกิดการตีบตันในสมอง และขนาดของหลอดเลือดที่ได้รับผลกระทบ ความรุนแรงของอาการสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับดังนี้
ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกเป็นหนึ่งในรูปแบบของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเกิดได้จากหลายสาเหตุหลัก ดังนี้
ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่บางกลุ่มมีความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากปัจจัยทางสุขภาพและพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ดังนี้
การวินิจฉัยภาวะเส้นเลือดในสมองแตกจะเริ่มได้จากการสังเกตอาการเริ่มแรกด้วยตัวเอง ซึ่งหากพบแล้วควรจะเริ่มวินิจฉัยด้วยกระบวนการที่ต้องดำเนินอย่างละเอียดและรวดเร็ว เพื่อประเมินความรุนแรงและกำหนดแนวทางการรักษาอย่างเหมาะสมว่าต้องการศัลยกรรมประสาทและสมองหรือไม่
การรักษาภาวะเส้นเลือดในสมองแตกขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการเริ่มแรกและสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยแพทย์จะพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย แบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลักดังนี้
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด เป็นการรักษาแบบประคับประคองเพื่อให้อาการไม่แย่ลงหรือให้หายได้เอง เป็นแนวทางที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ผู้ที่มีภาวะเส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรก หรือในกรณีที่การผ่าตัดอาจมีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยสูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว การรักษาวิธีนี้ประกอบด้วยการให้ยาลดความดันโลหิตในกรณีที่ผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูงร่วมด้วย เพื่อลดโอกาสเกิดเลือดออกเพิ่มเติมในสมอง
นอกจากนี้ยังมีการให้ยาลดอาการบวมของสมอง เพื่อช่วยลดแรงกดทับที่สมองในกรณีที่เลือดที่ออกมาเริ่มส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อสมอง
การดูแลนี้รวมถึงการจัดการอาการเฉพาะหน้าและการฟื้นฟูร่างกายระยะยาว เช่น การทำกายภาพบำบัดและการฟื้นฟูการพูด เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การรักษาด้วยการผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เช่น กรณีที่มีเลือดออกในสมองปริมาณมากและทำให้เกิดแรงกดทับสมอง แพทย์อาจเลือกทำการผ่าตัดเพื่อระบายเลือดออกจากสมอง
ในกรณีที่หลอดเลือดมีความผิดปกติ เช่น หลอดเลือดโป่งพองเสี่ยงจะแตกเพิ่มเติม แพทย์อาจเลือกผ่าตัดหลอดเลือดโป่งพอง หรือใช้เทคนิคการใส่อุปกรณ์ปิดหลอดเลือดที่เสียหาย เพื่อป้องกันการไหลของเลือด หากผู้ป่วยมีภาวะสมองบวมอย่างรุนแรงจนแรงดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มสูงมาก การผ่าตัดเปิดกะโหลกเพื่อลดแรงกดทับสมอง (Decompressive Surgery) เป็นวิธีการที่สามารถช่วยลดความเสียหายได้
การป้องกันภาวะเส้นเลือดในสมองแตกสามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพและป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง ดังนี้
ที่โรงพยาบาลวิภาวดีเรามีโปรแกรมตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Screening Program) เพื่อช่วยให้ทราบถึงอาการเริ่มแรกที่ทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและแนวทางการดูแลตัวเอง ลดความเสี่ยงจากภาวะเส้นเลือดในสมองแตกและโรคทางศัลยกรรม ประสาทต่างๆ ซึ่งเป็นภัยเงียบที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว โดยโปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีอาการ เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง เวียนศีรษะ หรืออ่อนแรง หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการตรวจเพื่อประเมินความเสี่ยงในอนาคต
โปรแกรมตรวจคัดกรองหลอดเลือดสมองมีราคาอยู่ที่ 17,900 - 20,900 บาท พร้อมการให้คำแนะนำการดูแลตัวเองจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีในการตรวจสอบสุขภาพเพื่อเริ่มต้นปีใหม่อย่างมั่นใจและปลอดภัย
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อขอนัดหมายและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดี หรือโทรสอบถามเพิ่มเติม 02-058-2111 ต่อ 1214
ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกมีอาการเริ่มแรกหลายอย่าง อาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้เลือดไหลออกมาทับสมองได้ อาการเหล่านี้ยังส่งผลให้สมองหยุดทำงานและมีความเสี่ยงสูงต่อการพิการหรือเสียชีวิต โรคนี้เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ โดยสามารถป้องกันได้จากการควบคุมปัจจัยเสี่ยง เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี การออกกำลังกาย และการไม่สูบบุหรี่ โดยหากมีอาการก็ควรไปพบแพทย์ทันที
ที่โรงพยาบาลวิภาวดีมีบริการตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง พร้อมการดูแลจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและรักษาให้เหมาะสมในแต่ละเคส
บทความนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะเส้นเลือดในสมองแตก พร้อมคำตอบจากแพทย์มาคลายข้อสงสัยเพิ่มเติม ดังนี้
หากปวดหัวพร้อมกับอาการผิดปกติทางระบบประสาท เช่น แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด หรือมีอาการเวียนศีรษะและทรงตัวไม่ดี อาการเหล่านี้อาจเกิดจากความผิดปกติในสมอง และถ้าอาการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหรือเฉียบพลัน อาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งต้องได้รับการตรวจสอบและรักษาอย่างเร่งด่วน
ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกอาจส่งผลให้เกิดอาการที่สังเกตได้ ได้แก่ อาการอ่อนแรงของนิ้วมือ มีความผิดปกติทางการมองเห็น บกพร่องทางการพูดชั่วคราว รู้สึกเวียนศีรษะ มองไม่ชัด เป็นต้น
การอยู่รอดหลังเส้นเลือดในสมองแตกขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการแตกและการรับการรักษาอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยบางรายอาจอยู่รอดได้นานหลายวัน แต่หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ความเสียหายจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต
อาหารที่ช่วยบำรุงเส้นเลือดสมองควรประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด ปลาไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน หรืออาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 และวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 6 บี 12 และโฟเลต ซึ่งช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง
ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกเป็นอาการที่ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วนและมีความรุนแรงกว่าโรคเส้นเลือดในสมองตีบ อาจทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมอง ส่งผลให้สมองขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสมองและส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองได้อย่างรุนแรง
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved