เส้นเลือดในสมองแตก

  • เส้นเลือดในสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) เกิดเมื่อหลอดเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดไหลออกมาสะสมในสมอง ส่งผลให้เนื้อเยื่อสมองเสียหายและการทำงานของสมองผิดปกติ
  • เส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกอาจรวมถึง ปวดหัวอย่างรุนแรง แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด หรือมีอาการเวียนศีรษะและทรงตัวลำบาก
  • สาเหตุเส้นเลือดในสมองแตกหลัก ได้แก่ ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ การเสื่อมของหลอดเลือด หรือการบาดเจ็บที่ศีรษะ รวมถึงภาวะหลอดเลือดโป่งพอง
  • วิธีรักษาเส้นเลือดในสมองแตกอาจประกอบด้วยการให้ยาเพื่อลดความดันโลหิตและบรรเทาอาการบวมของสมอง หรืออาจต้องใช้การผ่าตัดเพื่อนำเลือดที่ออกมาออกจากสมองและลดแรงกดทับ

โรคเส้นเลือดในสมองแตกถือเป็นหนึ่งในภาวะทางการแพทย์ที่มีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อชีวิตได้อย่างรวดเร็ว การรับรู้และเข้าใจเส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรก สาเหตุ รวมถึงวิธีการรักษาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรารู้เท่าทันและดำเนินการรักษาได้ทันเวลา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือความพิการจากภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เส้นเลือด ใน สมอง แตก คือ

ภาวะเส้นเลือดในสมองแตก คืออะไร

ภาวะเส้นเลือดในสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) คือภาวะที่เกิดจากการที่หลอดเลือดในสมองแตก ส่งผลให้เลือดไหลออกมาสะสมในเนื้อสมองหรือรอบๆ สมอง การสะสมของเลือดนี้ทำให้เนื้อเยื่อสมองถูกกดทับ และอาจทำให้เซลล์สมองขาดเลือดและออกซิเจน นำไปสู่ความเสียหายของสมองในระดับที่แตกต่างกันไปตามความรุนแรงของภาวะดังกล่าว

จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2557 พบว่ามีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทยมีอยู่ 3-4 คนต่อ 1,000 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 2-3 คนในทุก 1 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและความพิการในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ปัญหานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคอย่างจริงจังเพื่อช่วยลดอัตราการเกิดและผลกระทบของโรคนี้ในประชากรไทย

สัญญาณเตือน! อาการเส้นเลือดในสมองแตกเริ่มแรก

สัญญาณเตือน! อาการเส้นเลือดในสมองแตกเริ่มแรก

เส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกมักเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและส่งผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกายอย่างรวดเร็ว การสังเกตสัญญาณเตือนต่างๆ จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยหนึ่งในวิธีที่ใช้ในการจำแนกอาการเส้นเลือดในสมองแตก คือการสังเกตตามหลักการ BE FAST โดยจะมีรายละเอียดดังนี้

1. สูญเสียการทรงตัว (B-Balance)

เส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกผู้ป่วยอาจสูญเสียการทรงตัว เดินเซ หรือมีปัญหาในการควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกาย บางคนอาจรู้สึกเวียนศีรษะหรือทรงตัวไม่ได้ แม้จะอยู่ในท่าทางปกติ

2. ตาพร่ามัว (E-Eyes)

เส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกผู้ป่วยจะมีการมองเห็นผิดปกติ เช่น มองเห็นไม่ชัด เห็นภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็นข้างใดข้างหนึ่งแบบกะทันหัน บางรายอาจรู้สึกเหมือนมีม่านบังสายตา

3. หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว (F-Face)

เส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกสังเกตได้จากลักษณะของใบหน้าที่ผิดปกติ เช่น ปากเบี้ยว ยิ้มไม่สมดุล หรือกล้ามเนื้อใบหน้าด้านหนึ่งอ่อนแรง

4. แขนขาอ่อนแรง (A-Arms)

กล้ามเนื้อแขนหรือขาอ่อนแรง โดยเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย ผู้ป่วยอาจไม่สามารถยกแขนทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกันได้ หรือรู้สึกว่าแขนข้างหนึ่งหนักจนควบคุมไม่ได้

5. พูดติดขัด (S-Speech)

เส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกผู้ป่วยจะพูดไม่ชัด พูดลำบาก หรือพูดคำผิด บางครั้งอาจไม่สามารถพูดออกมาได้เลย หรือไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด

6. อาการส่วนใหญ่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน (T-Time)

สัญญาณเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิด การสังเกตเวลาที่อาการเริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยทีมแพทย์ประเมินและให้การรักษาได้อย่างเหมาะสม

อาการเส้นเลือดในสมองแตกแบ่งเป็นกี่ระดับ

อาการเส้นเลือดในสมองแตกแบ่งเป็นกี่ระดับ

โรคหลอดเลือดสมองหรือภาวะเส้นเลือดในสมองแตกมีความรุนแรงที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลา ตำแหน่งที่เกิดการตีบตันในสมอง และขนาดของหลอดเลือดที่ได้รับผลกระทบ ความรุนแรงของอาการสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับดังนี้

  • กลุ่มที่มีอาการน้อยเส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรกผู้ป่วยที่มีอาการน้อยอาจมีอาการพูดไม่ชัด มุมปากตก หรือแขนขาอ่อนแรง แต่ยังเดินได้ตามปกติ อาการในกลุ่มนี้มักไม่รุนแรงมาก และมักจะไม่มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย
  • กลุ่มที่มีอาการปานกลางผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนแรงอย่างมากจนไม่สามารถขยับร่างกายหรือพูดได้เลย อาการจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน การฟื้นตัวในกลุ่มนี้อาจใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์จึงจะเริ่มเห็นผล แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะไม่สามารถกลับมามีสุขภาพที่ปกติได้
  • กลุ่มที่มีอาการหนักผู้ป่วยในกลุ่มนี้มักไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เริ่มเกิดอาการ หรือมีอาการซึมลงอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง อาการหนักมักเกิดในผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือเคยมีประวัติเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตมาก่อน กลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาและอาจต้องการการศัลยกรรมสมองโดยเร็ว

สาเหตุของภาวะเส้นเลือดในสมองแตก

ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกเป็นหนึ่งในรูปแบบของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเกิดได้จากหลายสาเหตุหลัก ดังนี้

  • ความดันโลหิตสูงอย่างเรื้อรังความดันโลหิตที่สูงต่อเนื่องทำให้ผนังหลอดเลือดในสมองอ่อนแอลงและมีความเสี่ยงต่อการแตก
  • ความผิดปกติของหลอดเลือดในสมองเช่น ภาวะหลอดเลือดโป่งพอง (Aneurysm) โรคเนื้องอกใน สมองกดทับหลอดเลือด หรือหลอดเลือดผิดรูป (Arteriovenous Malformation) ซึ่งเพิ่มโอกาสที่หลอดเลือดจะแตก
  • การใช้ยาหรือสารเสพติดเช่น การใช้โคเคนหรือยาที่ส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือดเช่น การใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือภาวะเลือดออกผิดปกติที่ทำให้เลือดไม่สามารถแข็งตัวได้เมื่อมีการฉีกขาดของหลอดเลือด
  • อุบัติเหตุหรือการกระแทกที่ศีรษะการบาดเจ็บที่สมองทำให้หลอดเลือดแตกและเกิดการไหลของเลือดในสมองได้
  • การเสื่อมสภาพของหลอดเลือดจากอายุที่เพิ่มขึ้นผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะเกิดหลอดเลือดเสื่อมและเปราะบาง ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะนี้สูงขึ้น

กลุ่มไหนที่เสี่ยงมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก

ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่บางกลุ่มมีความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากปัจจัยทางสุขภาพและพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ดังนี้

  • ผู้ที่สูบบุหรี่สารเคมีในบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพและเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่ไม่ออกกำลังกายการไม่ออกกำลังกายทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ไม่ดี เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วน น้ำหนักตัวที่มากเกินไปส่งผลให้หลอดเลือดต้องรับภาระหนักและเพิ่มโอกาสเกิดความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิด การรับประทานยาคุมกำเนิดบางชนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง
  • ผู้ที่มีความเครียดเรื้อรังความเครียดสามารถทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของหลอดเลือดในระยะยาว
  • ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือหลอดเลือดปลายขาตีบโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดโดยตรงเพิ่มโอกาสเกิดความผิดปกติในหลอดเลือดสมอง
  • ผู้สูงอายุอายุที่มากขึ้นทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพและมีความเปราะบางมากขึ้น
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงโรคเหล่านี้เพิ่มโอกาสของการเกิดภาวะหลอดเลือดสมองแตกอย่างมีนัยสำคัญ
  • ผู้ที่มีอัตราการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติอาจทำให้ลิ่มเลือดก่อตัวและส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดในสมอง

ขั้นตอนการวินิจฉัยภาวะเส้นเลือดในสมองแตก

ขั้นตอนการวินิจฉัยภาวะเส้นเลือดในสมองแตก

การวินิจฉัยภาวะเส้นเลือดในสมองแตกจะเริ่มได้จากการสังเกตอาการเริ่มแรกด้วยตัวเอง ซึ่งหากพบแล้วควรจะเริ่มวินิจฉัยด้วยกระบวนการที่ต้องดำเนินอย่างละเอียดและรวดเร็ว เพื่อประเมินความรุนแรงและกำหนดแนวทางการรักษาอย่างเหมาะสมว่าต้องการศัลยกรรมประสาทและสมองหรือไม่

  • ซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้นแพทย์จะซักประวัติอาการ เช่น การสูญเสียการทรงตัว อ่อนแรง พูดติดขัด หรืออาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตรวจร่างกายเพื่อดูความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เช่น มุมปากตกหรือแขนขาอ่อนแรง
  • การตรวจเลือดตรวจความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง เพื่อประเมินความข้นของเลือด ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและไขมันในเลือด เพื่อหาปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดสมอง
  • การตรวจเอกซเรย์สมอง (CT Scan)เป็นการถ่ายภาพสมองเพื่อดูว่ามีเลือดออกหรือเนื้อสมองได้รับผลกระทบจากภาวะหลอดเลือดสมองแตกหรือไม่
  • การตรวจสมองด้วยสนามแม่เหล็ก (MRI)การถ่ายภาพสมองด้วยสนามแม่เหล็กช่วยให้ได้ภาพที่ละเอียดและชัดเจนของสมอง รวมถึงดูโครงสร้างหลอดเลือดและบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
  • การตรวจหลอดเลือดสมอง (Angiography)ในบางกรณีแพทย์อาจใช้การฉีดสีและถ่ายภาพหลอดเลือด เพื่อดูรายละเอียดของหลอดเลือดในสมองว่ามีการอุดตันหรือหลอดเลือดโป่งพองหรือไม่
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)ใช้ตรวจเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะกับความเสี่ยงของลิ่มเลือดที่อาจส่งผลต่อหลอดเลือดสมอง

วิธีรักษาภาวะเส้นเลือดในสมองแตก

การรักษาภาวะเส้นเลือดในสมองแตกขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการเริ่มแรกและสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยแพทย์จะพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย แบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลักดังนี้

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด เป็นการรักษาแบบประคับประคองเพื่อให้อาการไม่แย่ลงหรือให้หายได้เอง เป็นแนวทางที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ผู้ที่มีภาวะเส้นเลือดในสมองแตกอาการเริ่มแรก หรือในกรณีที่การผ่าตัดอาจมีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยสูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว การรักษาวิธีนี้ประกอบด้วยการให้ยาลดความดันโลหิตในกรณีที่ผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูงร่วมด้วย เพื่อลดโอกาสเกิดเลือดออกเพิ่มเติมในสมอง

นอกจากนี้ยังมีการให้ยาลดอาการบวมของสมอง เพื่อช่วยลดแรงกดทับที่สมองในกรณีที่เลือดที่ออกมาเริ่มส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อสมอง

การดูแลนี้รวมถึงการจัดการอาการเฉพาะหน้าและการฟื้นฟูร่างกายระยะยาว เช่น การทำกายภาพบำบัดและการฟื้นฟูการพูด เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

การรักษาด้วยการผ่าตัด

การรักษาด้วยการผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เช่น กรณีที่มีเลือดออกในสมองปริมาณมากและทำให้เกิดแรงกดทับสมอง แพทย์อาจเลือกทำการผ่าตัดเพื่อระบายเลือดออกจากสมอง

ในกรณีที่หลอดเลือดมีความผิดปกติ เช่น หลอดเลือดโป่งพองเสี่ยงจะแตกเพิ่มเติม แพทย์อาจเลือกผ่าตัดหลอดเลือดโป่งพอง หรือใช้เทคนิคการใส่อุปกรณ์ปิดหลอดเลือดที่เสียหาย เพื่อป้องกันการไหลของเลือด หากผู้ป่วยมีภาวะสมองบวมอย่างรุนแรงจนแรงดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มสูงมาก การผ่าตัดเปิดกะโหลกเพื่อลดแรงกดทับสมอง (Decompressive Surgery) เป็นวิธีการที่สามารถช่วยลดความเสียหายได้

แนวทางการป้องกันภาวะเส้นเลือดในสมองแตก

แนวทางการป้องกันภาวะเส้นเลือดในสมองแตก

การป้องกันภาวะเส้นเลือดในสมองแตกสามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพและป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง ดังนี้

  • ตรวจวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากพบว่ามีความดันโลหิตสูง ควรควบคุมให้อยู่ในระดับปกติ
  • งดสูบบุหรี่บุหรี่มีผลต่อการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด การแข็งตัวของเลือด และทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัวและตีบง่าย
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคเบาหวาน
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วันๆ ละ 30 นาที และเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
  • งดอาหารเค็มอาหารที่มีไขมันหรือคอเลสเตอรอลสูง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพราะส่งผลต่อความดันโลหิตและสุขภาพหลอดเลือด
  • ทำจิตใจให้แจ่มใสหลีกเลี่ยงความเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ตรวจสุขภาพร่างกายจากแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคหัวใจหรือภาวะไขมันในเลือดสูง ควรรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยาป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด

รักษาภาวะเส้นเลือดในสมองแตกที่โรงพยาบาลวิภาวดี

ที่โรงพยาบาลวิภาวดีเรามีโปรแกรมตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Screening Program) เพื่อช่วยให้ทราบถึงอาการเริ่มแรกที่ทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและแนวทางการดูแลตัวเอง ลดความเสี่ยงจากภาวะเส้นเลือดในสมองแตกและโรคทางศัลยกรรม ประสาทต่างๆ ซึ่งเป็นภัยเงียบที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว โดยโปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีอาการ เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง เวียนศีรษะ หรืออ่อนแรง หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการตรวจเพื่อประเมินความเสี่ยงในอนาคต

โปรแกรมตรวจคัดกรองหลอดเลือดสมองมีราคาอยู่ที่ 17,900 - 20,900 บาท พร้อมการให้คำแนะนำการดูแลตัวเองจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีในการตรวจสอบสุขภาพเพื่อเริ่มต้นปีใหม่อย่างมั่นใจและปลอดภัย

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อขอนัดหมายและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดี หรือโทรสอบถามเพิ่มเติม 02-058-2111 ต่อ 1214

สรุป

ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกมีอาการเริ่มแรกหลายอย่าง อาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้เลือดไหลออกมาทับสมองได้ อาการเหล่านี้ยังส่งผลให้สมองหยุดทำงานและมีความเสี่ยงสูงต่อการพิการหรือเสียชีวิต โรคนี้เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ โดยสามารถป้องกันได้จากการควบคุมปัจจัยเสี่ยง เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี การออกกำลังกาย และการไม่สูบบุหรี่ โดยหากมีอาการก็ควรไปพบแพทย์ทันที

ที่โรงพยาบาลวิภาวดีมีบริการตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง พร้อมการดูแลจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและรักษาให้เหมาะสมในแต่ละเคส

FAQ

บทความนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะเส้นเลือดในสมองแตก พร้อมคำตอบจากแพทย์มาคลายข้อสงสัยเพิ่มเติม ดังนี้

ปวดหัวแบบไหนเสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตก?

หากปวดหัวพร้อมกับอาการผิดปกติทางระบบประสาท เช่น แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด หรือมีอาการเวียนศีรษะและทรงตัวไม่ดี อาการเหล่านี้อาจเกิดจากความผิดปกติในสมอง และถ้าอาการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหรือเฉียบพลัน อาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งต้องได้รับการตรวจสอบและรักษาอย่างเร่งด่วน

จะรู้ได้อย่างไรว่าภาวะเส้นเลือดในสมองแตก?

ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกอาจส่งผลให้เกิดอาการที่สังเกตได้ ได้แก่ อาการอ่อนแรงของนิ้วมือ มีความผิดปกติทางการมองเห็น บกพร่องทางการพูดชั่วคราว รู้สึกเวียนศีรษะ มองไม่ชัด เป็นต้น

เส้นเลือดสมองแตกอยู่ได้กี่วัน?

การอยู่รอดหลังเส้นเลือดในสมองแตกขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการแตกและการรับการรักษาอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยบางรายอาจอยู่รอดได้นานหลายวัน แต่หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ความเสียหายจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต

กินอะไรบํารุงเส้นเลือดในสมอง?

อาหารที่ช่วยบำรุงเส้นเลือดสมองควรประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด ปลาไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน หรืออาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 และวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 6 บี 12 และโฟเลต ซึ่งช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง

เส้นเลือดในสมองแตกทรมานไหม?

ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกเป็นอาการที่ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วนและมีความรุนแรงกว่าโรคเส้นเลือดในสมองตีบ อาจทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมอง ส่งผลให้สมองขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสมองและส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองได้อย่างรุนแรง

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111