นิ่วในไตถือเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย การมีก้อนนิ่วในไตอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดรุนแรง ปัสสาวะติดขัด ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนั้นยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ หากไม่ได้รับการรักษาด้วยวิธีการที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงยิ่งขึ้นและมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไตในอนาคต บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับนิ่วในไต พร้อมทั้งสาเหตุ การรักษาและวิธีการป้องกันโรค
นิ่วในไตคือก้อนแข็งที่เกิดจากการสะสมตัวของแร่ธาตุและสารประกอบต่างๆ ในปัสสาวะ มีลักษณะและขนาดหลากหลาย โดยส่วนใหญ่มักพบในระบบทางเดินปัสสาวะเช่น บริเวณไต กรวยไต กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ เป็นต้น
สัญญาณและอาการที่บ่งบอกว่าเป็นนิ่วในไตมีลักษณะดังต่อไปนี้
นิ่วในไต เกิดขึ้นจากสาเหตุดังนี้
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่วในไตมีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย ได้แก่
หากมีอาการที่บ่งชี้ว่าอาจเป็นนิ่วในไต ควรรีบเข้ารับการตรวจเพื่อประเมินอาการในทันที การวินิจฉัยนิ่วในไตจำเป็นต้องใช้หลายวิธีร่วมกันในการระบุขนาด ตำแหน่ง และชนิดของนิ่ว เพื่อให้วางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับอาการผู้ป่วยแต่ละราย โดยมีขั้นตอนการวินิจฉัยดังนี้
นิ่วในไตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่การติดเชื้อเรื้อรัง ซึ่งส่งผลให้เนื้อเยื่อไตเกิดความเสียหาย ไตเสื่อม และเกิดภาวะไตวายเรื้อรัง หากรุนแรงมากอาจต้องทำการปลูกถ่ายไตหรือเปลี่ยนไตในอนาคตได้ โดยการรักษานิ่วในไตทำได้หลายวิธี ดังนี้
ภาวะนิ่วในไตป้องกันได้ด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้
โรงพยาบาลวิภาวดีให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคนิ่วในไตและโรคไตอย่างครบวงจร ดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะที่มีประสบการณ์และความชำนาญ พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคนิ่วในไตและโรคไต สามารถประเมินขนาดและตำแหน่งของก้อนนิ่วอย่างแม่นยำ เช่น การตรวจปัสสาวะ การตรวจเลือด การเอกซเรย์ช่องท้อง การอัลตราซาวนด์ไต การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) รวมทั้งการฟอกไต
หากต้องการเข้ารับบริการสามารถถามข้อมูลเพิ่มเติม ตรวจสอบค่าใช้จ่ายและสิทธิการรักษา นัดหมายแพทย์ผ่านทางเว็บไซต์ของโรงพยาบาลวิภาวดี หรือโทรติดต่อที่หมายเลข 0-2058-1111, 0-2561-1111 กด 1221,1222
นิ่วในไตคือก้อนแข็งที่มีลักษณะและขนาดหลากหลาย มักพบในระบบทางเดินปัสสาวะ มีสาเหตุเกิดจากการสะสมของสารบางชนิดในปัสสาวะ เช่น แคลเซียมออกซาเลต แคลเซียมฟอสเฟต หรือยูริก ในปริมาณมากเกินไป และการดื่มน้ำน้อย ทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นสูง ส่งผลให้ผลึกของสารต่างๆ ในปัสสาวะก่อตัวเป็นก้อนนิ่ว ผู้ป่วยมักมีอาการปวดบริเวณเอวหรือหลัง รู้สึกหนาวและมีไข้ คลื่นไส้หรืออาเจียน ปัสสาวะมีลักษณะขุ่นหรือปนสีแดง อาจพบเม็ดทรายหรือก้อนนิ่วเล็กๆ ปนมาในปัสสาวะ มีอาการเจ็บแสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อยครั้ง ปัสสาวะน้อย นิ่วในไตสามารถรักษาได้หลายวิธี ได้แก่ การรักษาโดยใช้ยาสลายนิ่ว การสลายนิ่วด้วยคลื่นกระแทก การส่องกล้องสลายนิ่ว และการผ่าตัดนิ่ว
สำหรับผู้ที่เป็นนิ่วในไต เข้ารับบริการได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดีดูแลและรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการรักษาโรคนิ่วในไต โดยใช้เทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย
บทความนี้ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับนิ่วในไต พร้อมคำตอบจากแพทย์มาคลายข้อสงสัยเพิ่มเติม ดังนี้
นิ่วในไตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่การติดเชื้อเรื้อรัง ซึ่งส่งผลให้เนื้อเยื่อไตเกิดความเสียหาย ไตเสื่อม และเกิดภาวะไตวายเรื้อรังในอนาคตได้
การกินอาหารบางชนิดช่วยลดความเสี่ยงและกระตุ้นให้เกิดการขับนิ่วในไตได้ เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอ การกินอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักและผลไม้ต่างๆ ถั่ว เมล็ดธัญพืช เป็นต้น
ผู้ที่เป็นนิ่วในไตควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดออกซาเลตสูง เช่น ช็อกโกแลต หน่อไม้ ผักบางชนิด อาหารที่มีโซเดียมและน้ำตาลสูง อาหารที่มีโปรตีนจากสัตว์ อาหารเสริมแคลเซียมที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ
ตรวจคัดกรองนิ่วในไตได้ด้วยการตรวจสุขภาพประจำปี โดยการตรวจปัสสาวะปัสสาวะเพื่อดูว่ามีเม็ดเลือดแดงปนออกมาหรือไม่ และสามารถตรวจเพิ่มเติมด้วยการเอกซเรย์หรืออัลตราซาวนด์ระบบทางเดินปัสสาวะเพื่อตรวจดูว่ามีก้อนนิ่วหรือไม่
ยาสลายนิ่วที่มีอยู่ในประเทศไทย ได้แก่ Acalka® (potassium citrate), Uralyt-U® (ใน 2.5 g ประกอบด้วย K Na hydrogen citrate 2.4 g equivalent to K 11mEq, Na 11 mEq, citrate 27 mEq)
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved