โรคหัวใจรูมาติก เป็นโรคที่มีความรุนแรงถึงชีวิตได้หากไม่ได้มีการป้องกันและรักษาที่ดี โรคหัวใจรูมาติกเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยประมาณ 1.5 เปอร์เซ็นต์ สำหรับในบทความนี้จะนำเสนอถึงสาเหตุโรคหัวใจรูมาติกว่าเกิดจากอะไร สังเกตอาการได้อย่างไร หรือมีวิธีการรักษาและวิธีการป้องกันอย่างไร
โรคหัวใจรูมาติก เป็นอาการที่เกี่ยวกับลิ้นหัวใจผิดปกติ ที่เกิดจากไข้รูมาติก นำไปสู่ความผิดปกติของร่างกายตั้งแต่คออักเสบไปจนถึงอาการที่รุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะที่หัวใจและลิ้นหัวใจ โรคหัวใจรูมาติกมีความรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ โดยทั่วไปโรคนี้ก็เกิดขึ้นได้ในคนทุกวัยด้วย
สำหรับสถิติในประเทศไทยพบว่าโรคหัวใจรูมาติกส่วนมากจะเกิดในเด็กอายุตั้งแต่ 5 - 15 ปี ประมาณ 0.35 - 1.4 ต่อเด็ก 1,000 คน ส่วนที่พบในผู้ใหญ่มักจะเป็นอาการลิ้นหัวใจอักเสบที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก สำหรับพื้นที่ที่มักจะพบผู้เป็นโรคหัวใจรูมาติก จะเป็นพื้นที่ชุมชนแออัด ครอบครัวยากจน และในประเทศกำลังพัฒนา
อาการของโรคหัวใจรูมาติกที่เกิดจากไข้รูมาติกนั้น จะส่งผลเกี่ยวเนื่องกับระบบหัวใจ ข้อต่อ ผิวหนัง และระบบประสาทส่วนกลาง สำหรับอาการเบื้องต้นของโรคหัวใจรูมาติกที่สามารถสังเกตได้ มีดังนี้
มีอาการเจ็บคอ รวมถึงมีไข้ด้วย
มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ใจสั่น หอบ นอนราบไม่ได้ เนื่องจากอาการอักเสบของหัวใจและภาวะหัวใจวาย
มีอาการเจ็บหน้าอก มีเสียงฟู่ในหัวใจ
มีอาการบวมแดง ปวดร้อน กดแล้วเจ็บบริเวณข้อต่อ โดยเฉพาะบริเวณหัวเข่า ข้อเท้า ข้อศอก และข้อมือ แต่จะไม่ได้ปวดพร้อมๆ กัน จะปวดข้อหนึ่งก่อน และย้ายไปข้ออื่นๆ
เกิดตุ่มใต้ผิวหนังที่ไม่เจ็บปวด ตรงบริเวณข้อเท้า ข้อเข่า ข้อมือ ข้อศอก ขนาดประมาณ 2 ซม. ตุ่มจะค่อยๆ ยุบไปเอง
เกิดผื่นแดงตามตัวขึ้นแผ่ออกเป็นรอบ วงขอบแดง ตรงกลางขาว เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 - 3 ซม. เรียกว่าอีริทีมา มาร์จินาตุม (Erythema Marginatum) จะไม่มีอาการเจ็บหรือคัน แต่จะจางหายไปเอง มักเกิดบริเวณก้นหรือแขนขาส่วนต้น
มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ควบคุมไม่ได้ เช่น พูดไม่ชัด เขียนหนังสือ หรือหยิบของไม่ถนัด เป็นต้น เนื่องจากมีความผิดปกติของสมองร่วมด้วย ที่เรียกว่าอาการโคเรีย (Chorea)
กล้ามเนื้อกระตุก ไม่มีแรง
มีพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น การหัวเราะ หรือร้องไห้โดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นต้น
สาเหตุของโรคหัวใจรูมาติกเกิดจากการติดเชื้อคออักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบ จากเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เบต้าสเตรป โตคอคคัส กลุ่ม เอ (Beta - hemolytic Streptococcus Group A) โดยมากจะติดต่อกันง่ายในกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด ในโรงเรียน หรือในที่ที่มีผู้คนหนาแน่น และไม่ถูกสุขลักษณะ
บางรายเมื่อได้รับเชื้อแล้วสามารถรักษาให้หายได้ แต่ในบางรายมีการตอบสนองต่อเชื้อโรคผิดปกติ ร่างกายสร้างภูมิต้านทานมาทำลายเชื้อโรค แต่ภูมิต้านทานกลับทำลายตัวเอง ก่อให้เกิดอาการอักเสบของอวัยวะต่างๆ เช่น ผิวหนังอักเสบ ระบบประสาทผิดปกติ การเคลื่อนไหวผิดปกติ และรุนแรงไปจนถึงระบบหัวใจ ทั้งอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ลิ้นหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เป็นต้น
ผู้ที่เป็นโรคหัวใจรูมาติกเป็นระยะเวลานานอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนบางประการต่อระบบหัวใจได้ ดังนี้
ลิ้นหัวใจเสียหายโรคหัวใจรูมาติกทำให้ลิ้นหัวใจเสียหาย ส่งผลให้อัตราการไหลเวียนของเลือดลดลง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหาย เช่น ลิ้นหัวใจตีบ และลิ้นหัวใจรั่ว เป็นต้น
กล้ามเนื้อหัวใจเสียหายอาการอักเสบที่เกิดขึ้นทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอลง ส่งผลต่อความสามารถในการสูบฉีดของหัวใจ
การที่แพทย์จะวินิจฉัยอาการโรคหัวใจรูมาติกนั้น จำเป็นต้องใช้การประเมินทดสอบหลายขั้นตอนดังนี้
การทดสอบการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ (Swab Test) เป็นการทดสอบเพื่อเช็กการปนเปื้อนของจุลินทรีย์บริเวณในคอ
การตรวจเลือด เป็นการตรวจเพื่อหาอาการอักเสบ และหาแอนติบอดีต่อแบคทีเรียสเตรป
การทดสอบคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG) เป็นการบันทึกสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจ จุดประสงค์เพื่อการค้นหาความผิดปกติของไฟฟ้าในหัวใจ และเพื่อหาพื้นที่การขยายของหัวใจ
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram) เพื่อตรวจหาปัญหาที่เกิดขึ้นในหัวใจ
ปัจจุบันแพทย์มีวิธีการรักษาโรคหัวใจรูมาติก 2 แบบ คือการรักษาด้วยการให้ยา และการรักษาด้วยการผ่าตัด ดังนี้
วิธีการรักษาโรคหัวใจรูมาติกด้วยการรักษาโดยการให้ยา สามารถรักษาได้ตามขั้นตอนดังนี้
เมื่อเข้ารักษาตัวแรกๆ แพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะหรือแอสไพริน เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและอาการอักเสบบริเวณข้อต่อต่างๆ
การใช้ยาต้านการอักเสบ ในกรณีที่มีอาการหัวใจอักเสบรุนแรง แพทย์อาจใช้สเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ
เมื่อรักษาหายแล้ว แพทย์ยังต้องนัดผู้ป่วยมาตรวจรักษาอยู่เป็นประจำ ซึ่งแพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะในระยะยาวเพื่อป้องกันอาการลิ้นหัวใจพิการ เช่น การฉีดเบนซาทีนเพนิซิลลิน (Benzathine Benzylpenicillin) การกินเพนิซิลลิน (Penicillin) การกินอีริโทรไมซิน (Erythromycin) เป็นต้น
ระยะเวลาการใช้ยา ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของโรค เช่น ผู้ที่มีความผิดปกติของลิ้นหัวใจถาวร อาจต้องใช้ยาตลอดชีวิต ผู้ที่เคยมีอาการหัวใจอักเสบและหายแล้ว อาจใช้ยานาน 10 ปี ผู้ที่ไม่เคยมีอาการหัวใจอักเสบมาก่อน อาจใช้ยาประมาณ 5 ปี เป็นต้น
วิธีการรักษาโรคหัวใจรูมาติกด้วยการรักษาโดยการผ่าตัด สามารถรักษาได้ตามวิธีดังนี้
การผ่าตัดหัวใจแบบเปิดแผลผ่าตัดกึ่งกลางหน้าอก (Median Sternotomy)เป็นวิธีการผ่าตัดแบบมาตรฐาน ในการผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจหรือการเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ซึ่งในกรณีนี้จะต้องตัดกระดูกหน้าอกเพื่อให้สามารถแก้ไขลิ้นหัวใจด้วย ผู้ป่วยจึงมีแผลยาวตั้งแต่คอหอยจนถึงลิ้นปี่ การพักฟื้นใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน
การผ่าตัดแบบแผลเล็ก (Minimally Invasive : MIS)เป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ใช้ได้ทั้งการซ่อมลิ้นหัวใจและเปลี่ยนลิ้นหัวใจ โดยไม่ต้องตัดกระดูกหน้าอก แผลมีขนาดเล็กความยาวประมาณ 4 - 5 ซม. ระยะเวลาการพักฟื้นไม่นาน ประมาณ 1 เดือน
โรคหัวใจรูมาติกเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ และมักจะเกิดขึ้นในเด็กเล็ก ทั้งยังเป็นโรคที่มีความรุนแรงถึงชีวิต ดังนั้น การป้องกันภาวะเสี่ยงของโรคหัวใจรูมาติกจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยวิธีป้องกันมีดังนี้
การให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจรูมาติกแก่เด็กนักเรียน บุคลากรในโรงเรียน และผู้ปกครอง
การดูแลสุขอนามัยของเด็ก ทั้งในโรงเรียนและในบ้าน
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ผักและผลไม้ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่แออัด เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อโรค
กรณีพบเจอเด็กที่มีอาการเจ็บคอ ปวดข้อ หอบเหนื่อย ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว
โรคหัวใจรูมาติกเป็นโรคที่มีความอันตรายถึงชีวิตได้ ในกระบวนการรักษาโรคนั้น ต้องอาศัยแพทย์ที่มีความรู้เฉพาะทางเพื่อการวินิจฉัยที่มีประสิทธิภาพ และสามารถรักษาให้หายได้ ดังนั้น สุขภาพหัวใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ
โรงพยาบาลวิภาวดีก็ได้ให้ความสำคัญกับสุขภาพหัวใจของผู้ป่วยทุกคนเช่นกัน โดยมีการตรวจสุขภาพหัวใจที่รวบรวมการตรวจพิเศษเฉพาะ และตรงกับความต้องการของแต่ละคน
เพื่อให้การรักษาสามารถทำได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถนัดหมายได้อย่างสะดวกผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาลวิภาวดีและสามารถตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ที่นี่และสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์ประกันผู้ป่วย สามารถสอบถามค่าใช้จ่าย และค่าผ่าตัดประมาณการได้ที่แผนกผู้ป่วยในโทรศัพท์: 02-561-1111 ต่อ 4137,4139นอกจากนี้ยังมีช่องทางสำหรับการติดต่อของตัวแทนประกันชีวิตต่างๆ ทางLine ID: @vibhainsurance
โรคหัวใจรูมาติกเป็นโรคที่เกิดมาจากอาการไข้รูมาติก ที่เกิดจากการติดเชื้อเบต้าสเตรป โตคอคคัส กลุ่ม เอ (Beta - hemolytic Streptococcus Group A) ส่งผลให้เกิดความผิดความปกติต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะที่รุนแรงมากคือความผิดปกติของหัวใจ ลิ้นหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจเสียหาย
วิธีการรักษาโรคหัวใจรูมาติกจะมีทั้งการใช้ยาและการผ่าตัดหัวใจ ส่วนมากโรคหัวใจรูมาติกจะเกิดกับเด็กอายุช่วง 5 - 15 ปี ที่อยู่ในพื้นที่แออัดและไม่ถูกสุขลักษณะ จึงควรมีการป้องกันในเรื่องของการดูแลความสะอาดและลดความแออัดในบริเวณที่มีเด็กอยู่
สำหรับกรณีที่มีอาการที่เข้าข่ายโรคหัวใจรูมาติก ทางโรงพยาบาลวิภาวดีได้มีบริการตรวจสุขภาพหัวใจเพื่อการตรวจสอบสุขภาพหัวใจว่ามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน มีการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีการตรวจสอบในหลายมิติ จึงสามารถทำให้ทราบและหาวิธีการรักษาที่ดีกับผู้ป่วยต่อไปได้
สำหรับใครที่สนใจแพ็กเกจตรวจสุขภาพของทางโรงพยาบาลวิภาวดี สามารถเข้าไปเลือกซื้อแพ็กเกจที่เหมาะสม หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-561-1111
ทางโรงพยาบาลวิภาวดีได้รวบรวมคำถามที่เกี่ยวกับอาการโรคหัวใจรูมาติกมาไว้ให้แล้ว ดังนี้
อาการของโรคหัวใจรูมาติก หากสังเกตพบว่ามีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เช่น อาการมีไข้ ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการเจ็บคอ และที่สำคัญมีอาการเจ็บปวดขณะกลืน
โรคหัวใจรูมาติกสามารถรักษาให้หายขาดได้ ยกเว้นในกรณีที่มีอาการหัวใจอักเสบรุนแรง ที่มีปัญหาลิ้นหัวใจถาวร
ก่อนไปพบแพทย์ ควรมีการเตรียมตัวเบื้องต้น เพื่อที่แพทย์จะสามารถวินิจฉัยได้ถูกต้อง ดังนี้
เตรียมบอกอาการอย่างครบถ้วน
เตรียมข้อมูลประวัติความเจ็บป่วยล่าสุด
เตรียมข้อมูลรายชื่อยา อาหารเสริมที่ใช้อยู่
เตรียมข้อมูลประวัติอาการและการรักษาที่เกี่ยวข้องกับโรคคออักเสบหรือไข้อีดำอีแดง
ผู้ที่เป็นโรคหัวใจรูมาติกควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากในกรณีกินยาแล้วมีความผิดปกติเกิดขึ้น ต้องรีบปรึกษาแพทย์ทันที เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน มีตุ่มบวมแดง พุพอง ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน และอาการอื่นๆ
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved