โรคหัวใจรูมาติก

  • โรคหัวใจรูมาติกเป็นโรคที่เกิดจากไข้รูมาติก เริ่มจากอาการคออักเสบไปจนถึงความผิดปกติของหัวใจ ส่วนมากเกิดในเดที่อยู่ในพื้นที่แออัด และมีความเป็นอยู่ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
  • โรคหัวใจรูมาติกมีอาการที่สังเกตได้ เช่น ปวดข้อต่อ เป็นไข้ การเคลื่อนไหวร่างกายผิดปกติ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก เป็นต้น
  • โรคหัวใจรูมาติกมีสาเหตุจากการติดเชื้อโรคเบต้าสเตรป โตคอคคัส กลุ่ม เอ (Beta - hemolytic Streptococcus Group A) ส่งผลให้ระบบหัวใจผิดปกติ
  • วิธีรักษาโรคหัวใจรูมาติกทำได้ 2 วิธี คือการรักษาด้วยยา และการผ่าตัดหัวใจ

โรคหัวใจรูมาติก เป็นโรคที่มีความรุนแรงถึงชีวิตได้หากไม่ได้มีการป้องกันและรักษาที่ดี โรคหัวใจรูมาติกเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยประมาณ 1.5 เปอร์เซ็นต์ สำหรับในบทความนี้จะนำเสนอถึงสาเหตุโรคหัวใจรูมาติกว่าเกิดจากอะไร สังเกตอาการได้อย่างไร หรือมีวิธีการรักษาและวิธีการป้องกันอย่างไร

โรคหัวใจรูมาติก คืออะไร

โรคหัวใจรูมาติก คืออะไร

โรคหัวใจรูมาติก เป็นอาการที่เกี่ยวกับลิ้นหัวใจผิดปกติ ที่เกิดจากไข้รูมาติก นำไปสู่ความผิดปกติของร่างกายตั้งแต่คออักเสบไปจนถึงอาการที่รุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะที่หัวใจและลิ้นหัวใจ โรคหัวใจรูมาติกมีความรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ โดยทั่วไปโรคนี้ก็เกิดขึ้นได้ในคนทุกวัยด้วย

สำหรับสถิติในประเทศไทยพบว่าโรคหัวใจรูมาติกส่วนมากจะเกิดในเด็กอายุตั้งแต่ 5 - 15 ปี ประมาณ 0.35 - 1.4 ต่อเด็ก 1,000 คน ส่วนที่พบในผู้ใหญ่มักจะเป็นอาการลิ้นหัวใจอักเสบที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก สำหรับพื้นที่ที่มักจะพบผู้เป็นโรคหัวใจรูมาติก จะเป็นพื้นที่ชุมชนแออัด ครอบครัวยากจน และในประเทศกำลังพัฒนา

โรคหัวใจรูมาติกมีอาการเป็นอย่างไร

โรคหัวใจรูมาติกมีอาการเป็นอย่างไร

อาการของโรคหัวใจรูมาติกที่เกิดจากไข้รูมาติกนั้น จะส่งผลเกี่ยวเนื่องกับระบบหัวใจ ข้อต่อ ผิวหนัง และระบบประสาทส่วนกลาง สำหรับอาการเบื้องต้นของโรคหัวใจรูมาติกที่สามารถสังเกตได้ มีดังนี้

  • มีอาการเจ็บคอ รวมถึงมีไข้ด้วย

  • มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

  • เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ใจสั่น หอบ นอนราบไม่ได้ เนื่องจากอาการอักเสบของหัวใจและภาวะหัวใจวาย

  • มีอาการเจ็บหน้าอก มีเสียงฟู่ในหัวใจ

  • มีอาการบวมแดง ปวดร้อน กดแล้วเจ็บบริเวณข้อต่อ โดยเฉพาะบริเวณหัวเข่า ข้อเท้า ข้อศอก และข้อมือ แต่จะไม่ได้ปวดพร้อมๆ กัน จะปวดข้อหนึ่งก่อน และย้ายไปข้ออื่นๆ

  • เกิดตุ่มใต้ผิวหนังที่ไม่เจ็บปวด ตรงบริเวณข้อเท้า ข้อเข่า ข้อมือ ข้อศอก ขนาดประมาณ 2 ซม. ตุ่มจะค่อยๆ ยุบไปเอง

  • เกิดผื่นแดงตามตัวขึ้นแผ่ออกเป็นรอบ วงขอบแดง ตรงกลางขาว เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 - 3 ซม. เรียกว่าอีริทีมา มาร์จินาตุม (Erythema Marginatum) จะไม่มีอาการเจ็บหรือคัน แต่จะจางหายไปเอง มักเกิดบริเวณก้นหรือแขนขาส่วนต้น

  • มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ควบคุมไม่ได้ เช่น พูดไม่ชัด เขียนหนังสือ หรือหยิบของไม่ถนัด เป็นต้น เนื่องจากมีความผิดปกติของสมองร่วมด้วย ที่เรียกว่าอาการโคเรีย (Chorea)

  • กล้ามเนื้อกระตุก ไม่มีแรง

  • มีพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น การหัวเราะ หรือร้องไห้โดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นต้น

สาเหตุของโรคหัวใจรูมาติกเกิดจากอะไร

สาเหตุของโรคหัวใจรูมาติกเกิดจากอะไร

สาเหตุของโรคหัวใจรูมาติกเกิดจากการติดเชื้อคออักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบ จากเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เบต้าสเตรป โตคอคคัส กลุ่ม เอ (Beta - hemolytic Streptococcus Group A) โดยมากจะติดต่อกันง่ายในกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด ในโรงเรียน หรือในที่ที่มีผู้คนหนาแน่น และไม่ถูกสุขลักษณะ

บางรายเมื่อได้รับเชื้อแล้วสามารถรักษาให้หายได้ แต่ในบางรายมีการตอบสนองต่อเชื้อโรคผิดปกติ ร่างกายสร้างภูมิต้านทานมาทำลายเชื้อโรค แต่ภูมิต้านทานกลับทำลายตัวเอง ก่อให้เกิดอาการอักเสบของอวัยวะต่างๆ เช่น ผิวหนังอักเสบ ระบบประสาทผิดปกติ การเคลื่อนไหวผิดปกติ และรุนแรงไปจนถึงระบบหัวใจ ทั้งอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ลิ้นหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนจากโรคหัวใจรูมาติกมีอะไรบ้าง?

ภาวะแทรกซ้อนจากโรคหัวใจรูมาติกมีอะไรบ้าง?

ผู้ที่เป็นโรคหัวใจรูมาติกเป็นระยะเวลานานอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนบางประการต่อระบบหัวใจได้ ดังนี้

  • ลิ้นหัวใจเสียหายโรคหัวใจรูมาติกทำให้ลิ้นหัวใจเสียหาย ส่งผลให้อัตราการไหลเวียนของเลือดลดลง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหาย เช่น ลิ้นหัวใจตีบ และลิ้นหัวใจรั่ว เป็นต้น

  • กล้ามเนื้อหัวใจเสียหายอาการอักเสบที่เกิดขึ้นทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอลง ส่งผลต่อความสามารถในการสูบฉีดของหัวใจ

ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคหัวใจรูมาติก

ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคหัวใจรูมาติก

การที่แพทย์จะวินิจฉัยอาการโรคหัวใจรูมาติกนั้น จำเป็นต้องใช้การประเมินทดสอบหลายขั้นตอนดังนี้

  1. การทดสอบการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ (Swab Test) เป็นการทดสอบเพื่อเช็กการปนเปื้อนของจุลินทรีย์บริเวณในคอ

  2. การตรวจเลือด เป็นการตรวจเพื่อหาอาการอักเสบ และหาแอนติบอดีต่อแบคทีเรียสเตรป

  3. การทดสอบคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG) เป็นการบันทึกสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจ จุดประสงค์เพื่อการค้นหาความผิดปกติของไฟฟ้าในหัวใจ และเพื่อหาพื้นที่การขยายของหัวใจ

  4. การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram) เพื่อตรวจหาปัญหาที่เกิดขึ้นในหัวใจ

 วิธีรักษาโรคหัวใจรูมาติก

วิธีรักษาโรคหัวใจรูมาติก

ปัจจุบันแพทย์มีวิธีการรักษาโรคหัวใจรูมาติก 2 แบบ คือการรักษาด้วยการให้ยา และการรักษาด้วยการผ่าตัด ดังนี้

1. รักษาด้วยการให้ยา

วิธีการรักษาโรคหัวใจรูมาติกด้วยการรักษาโดยการให้ยา สามารถรักษาได้ตามขั้นตอนดังนี้

  • เมื่อเข้ารักษาตัวแรกๆ แพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะหรือแอสไพริน เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและอาการอักเสบบริเวณข้อต่อต่างๆ

  • การใช้ยาต้านการอักเสบ ในกรณีที่มีอาการหัวใจอักเสบรุนแรง แพทย์อาจใช้สเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ

  • เมื่อรักษาหายแล้ว แพทย์ยังต้องนัดผู้ป่วยมาตรวจรักษาอยู่เป็นประจำ ซึ่งแพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะในระยะยาวเพื่อป้องกันอาการลิ้นหัวใจพิการ เช่น การฉีดเบนซาทีนเพนิซิลลิน (Benzathine Benzylpenicillin) การกินเพนิซิลลิน (Penicillin) การกินอีริโทรไมซิน (Erythromycin) เป็นต้น

  • ระยะเวลาการใช้ยา ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของโรค เช่น ผู้ที่มีความผิดปกติของลิ้นหัวใจถาวร อาจต้องใช้ยาตลอดชีวิต ผู้ที่เคยมีอาการหัวใจอักเสบและหายแล้ว อาจใช้ยานาน 10 ปี ผู้ที่ไม่เคยมีอาการหัวใจอักเสบมาก่อน อาจใช้ยาประมาณ 5 ปี เป็นต้น

2. การผ่าตัด

วิธีการรักษาโรคหัวใจรูมาติกด้วยการรักษาโดยการผ่าตัด สามารถรักษาได้ตามวิธีดังนี้

  • การผ่าตัดหัวใจแบบเปิดแผลผ่าตัดกึ่งกลางหน้าอก (Median Sternotomy)เป็นวิธีการผ่าตัดแบบมาตรฐาน ในการผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจหรือการเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ซึ่งในกรณีนี้จะต้องตัดกระดูกหน้าอกเพื่อให้สามารถแก้ไขลิ้นหัวใจด้วย ผู้ป่วยจึงมีแผลยาวตั้งแต่คอหอยจนถึงลิ้นปี่ การพักฟื้นใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน

  • การผ่าตัดแบบแผลเล็ก (Minimally Invasive : MIS)เป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ใช้ได้ทั้งการซ่อมลิ้นหัวใจและเปลี่ยนลิ้นหัวใจ โดยไม่ต้องตัดกระดูกหน้าอก แผลมีขนาดเล็กความยาวประมาณ 4 - 5 ซม. ระยะเวลาการพักฟื้นไม่นาน ประมาณ 1 เดือน

วิธีป้องกันภาวะเสี่ยงของโรคหัวใจรูมาติก

วิธีป้องกันภาวะเสี่ยงของโรคหัวใจรูมาติก

โรคหัวใจรูมาติกเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ และมักจะเกิดขึ้นในเด็กเล็ก ทั้งยังเป็นโรคที่มีความรุนแรงถึงชีวิต ดังนั้น การป้องกันภาวะเสี่ยงของโรคหัวใจรูมาติกจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยวิธีป้องกันมีดังนี้

  • การให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจรูมาติกแก่เด็กนักเรียน บุคลากรในโรงเรียน และผู้ปกครอง

  • การดูแลสุขอนามัยของเด็ก ทั้งในโรงเรียนและในบ้าน

  • การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ผักและผลไม้ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย

  • การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่แออัด เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อโรค

  • กรณีพบเจอเด็กที่มีอาการเจ็บคอ ปวดข้อ หอบเหนื่อย ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว

การรักษาโรคหัวใจรูมาติกที่โรงพยาบาลวิภาวดี

โรคหัวใจรูมาติกเป็นโรคที่มีความอันตรายถึงชีวิตได้ ในกระบวนการรักษาโรคนั้น ต้องอาศัยแพทย์ที่มีความรู้เฉพาะทางเพื่อการวินิจฉัยที่มีประสิทธิภาพ และสามารถรักษาให้หายได้ ดังนั้น สุขภาพหัวใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ

โรงพยาบาลวิภาวดีก็ได้ให้ความสำคัญกับสุขภาพหัวใจของผู้ป่วยทุกคนเช่นกัน โดยมีการตรวจสุขภาพหัวใจที่รวบรวมการตรวจพิเศษเฉพาะ และตรงกับความต้องการของแต่ละคน

เพื่อให้การรักษาสามารถทำได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถนัดหมายได้อย่างสะดวกผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาลวิภาวดีและสามารถตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ที่นี่และสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์ประกันผู้ป่วย สามารถสอบถามค่าใช้จ่าย และค่าผ่าตัดประมาณการได้ที่แผนกผู้ป่วยในโทรศัพท์: 02-561-1111 ต่อ 4137,4139นอกจากนี้ยังมีช่องทางสำหรับการติดต่อของตัวแทนประกันชีวิตต่างๆ ทางLine ID: @vibhainsurance

สรุป

โรคหัวใจรูมาติกเป็นโรคที่เกิดมาจากอาการไข้รูมาติก ที่เกิดจากการติดเชื้อเบต้าสเตรป โตคอคคัส กลุ่ม เอ (Beta - hemolytic Streptococcus Group A) ส่งผลให้เกิดความผิดความปกติต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะที่รุนแรงมากคือความผิดปกติของหัวใจ ลิ้นหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจเสียหาย

วิธีการรักษาโรคหัวใจรูมาติกจะมีทั้งการใช้ยาและการผ่าตัดหัวใจ ส่วนมากโรคหัวใจรูมาติกจะเกิดกับเด็กอายุช่วง 5 - 15 ปี ที่อยู่ในพื้นที่แออัดและไม่ถูกสุขลักษณะ จึงควรมีการป้องกันในเรื่องของการดูแลความสะอาดและลดความแออัดในบริเวณที่มีเด็กอยู่

สำหรับกรณีที่มีอาการที่เข้าข่ายโรคหัวใจรูมาติก ทางโรงพยาบาลวิภาวดีได้มีบริการตรวจสุขภาพหัวใจเพื่อการตรวจสอบสุขภาพหัวใจว่ามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน มีการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีการตรวจสอบในหลายมิติ จึงสามารถทำให้ทราบและหาวิธีการรักษาที่ดีกับผู้ป่วยต่อไปได้

สำหรับใครที่สนใจแพ็กเกจตรวจสุขภาพของทางโรงพยาบาลวิภาวดี สามารถเข้าไปเลือกซื้อแพ็กเกจที่เหมาะสม หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-561-1111

FAQ

ทางโรงพยาบาลวิภาวดีได้รวบรวมคำถามที่เกี่ยวกับอาการโรคหัวใจรูมาติกมาไว้ให้แล้ว ดังนี้

อาการของโรคหัวใจรูมาติกแบบไหนที่ควรรีบไปพบแพทย์?

อาการของโรคหัวใจรูมาติก หากสังเกตพบว่ามีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เช่น อาการมีไข้ ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการเจ็บคอ และที่สำคัญมีอาการเจ็บปวดขณะกลืน

โรคหัวใจรูมาติก รักษาหายไหม?

โรคหัวใจรูมาติกสามารถรักษาให้หายขาดได้ ยกเว้นในกรณีที่มีอาการหัวใจอักเสบรุนแรง ที่มีปัญหาลิ้นหัวใจถาวร

คนเป็นโรคหัวใจรูมาติก เตรียมตัวก่อนไปพบแพทย์อย่างไร?

ก่อนไปพบแพทย์ ควรมีการเตรียมตัวเบื้องต้น เพื่อที่แพทย์จะสามารถวินิจฉัยได้ถูกต้อง ดังนี้

  • เตรียมบอกอาการอย่างครบถ้วน

  • เตรียมข้อมูลประวัติความเจ็บป่วยล่าสุด

  • เตรียมข้อมูลรายชื่อยา อาหารเสริมที่ใช้อยู่

  • เตรียมข้อมูลประวัติอาการและการรักษาที่เกี่ยวข้องกับโรคคออักเสบหรือไข้อีดำอีแดง

คนเป็นโรคหัวใจรูมาติกควรดูแลตัวเองอย่างไร?

ผู้ที่เป็นโรคหัวใจรูมาติกควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากในกรณีกินยาแล้วมีความผิดปกติเกิดขึ้น ต้องรีบปรึกษาแพทย์ทันที เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน มีตุ่มบวมแดง พุพอง ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน และอาการอื่นๆ

“ภูมิใจที่ได้ดูแลคุณ”

สอบถามรายละเอียดและนัดหมายล่วงหน้าที่

02-561-1111

02-058-1111

ศูนย์หัวใจวิภาวดี ชั้น 3 อาคาร 1

ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.