เกล็ดเลือดเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อเกิดบาดแผล แต่รู้หรือไม่ว่าเมื่อมีปริมาณเกล็ดเลือดต่ำลงผิดปกติ อาจทำให้เกิดอาการเลือดออกง่ายหรือเลือดหยุดไหลช้า หากปล่อยไว้ไม่รีบรักษาก็สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ในบทความนี้จึงชวนมาทำความรู้จักกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำให้มากขึ้น พร้อมวิธีสังเกตอาการเบื้องต้น เพื่อให้รู้ทันอาการและเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) เป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณเกล็ดเลือดต่ำกว่าระดับปกติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ร่างกายคนเราควรมีเกล็ดเลือดอยู่ในช่วง 150,000–450,000 เกล็ด/ไมโครลิตร หากต่ำกว่าค่ามาตรฐาน อาจส่งผลให้เลือดออกง่าย หยุดไหลช้า มีแผลฟกช้ำโดยไม่รู้ตัว เลือดกำเดาไหลบ่อย และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกภายในที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
โดยปกติแล้วเกล็ดเลือดแต่ละเซลล์จะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 10 วัน จากนั้นไขกระดูกจะผลิตเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน หากเกิดความผิดปกติในการผลิตหรือมีการทำลายเกล็ดเลือดเร็วกว่าปกติ อาจนำไปสู่ภาวะเกล็ดเลือดต่ำได้ โดยภาวะเกล็ดเลือดต่ำอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
ไขกระดูกมีหน้าที่ในการผลิตเกล็ดเลือด เม็ดเลือดขาว และเม็ดเลือดแดง หากไขกระดูกไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปริมาณเกล็ดเลือดก็จะลดน้อยลง โดยสาเหตุที่ไขกระดูกผลิตเกล็ดเลือดได้ไม่ดี อาจเกิดจากปัจจัยบางอย่าง เช่น
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคบางชนิด ร่างกายอาจทำลายเกล็ดเลือดเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เช่น
ม้ามเป็นอวัยวะที่ช่วยกำจัดเซลล์เม็ดเลือดเก่าที่หมดอายุ แต่ถ้าม้ามมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือทำงานผิดปกติไปจากเดิม จะทำให้เกล็ดเลือดถูกกักเก็บไว้ที่ม้ามมากกว่าปกติ จนทำให้จำนวนเกล็ดเลือดในกระแสเลือดลดลง โดยสาเหตุที่ม้ามทำงานผิดปกติ อาจเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก จนป่วยเป็นโรคตับแข็ง หรือเป็นโรคไขกระดูกเป็นพังผืด (Myelofibrosis) เป็นต้น
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำจะมีอาการแตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรง ผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำในระดับไม่รุนแรง อาจไม่มีอาการใดๆ แต่หากมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำรุนแรง ก็อาจแสดงอาการดังต่อไปนี้
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำอาจรุนแรงมาก จนนำไปสู่อาการแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ เช่น เลือดออกที่ตา เหงือก หรือกระเพาะปัสสาวะ อีกทั้งยังทำให้เลือดออกมามากเมื่อเกิดการบาดเจ็บ หรือเลือดออกโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง และภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันอีกด้วย
สิ่งที่ต้องระวังในภาวะเกล็ดเลือดต่ำมากที่สุดคือการมีเลือดออกภายในอวัยวะที่สำคัญ หากพบว่าตนเองมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์โดยทันที
แพทย์สามารถประเมินอาการและวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดต่ำได้โดยวิธีดังต่อไปนี้
วิธีรักษาภาวะเกล็ดเลือดต่ำขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง หากอาการไม่รุนแรง เช่น มีเลือดไหลจากบาดแผลเล็กน้อย ผู้ป่วยอาจไม่ต้องเข้ารับการรักษา แต่หากอาการรุนแรงขึ้น การรักษาจะเน้นไปที่การแก้ไขต้นเหตุ ดังนี้
ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำในระดับไม่รุนแรงมาก สามารถใช้ยาเพื่อรักษาอาการได้ ดังนี้
หากภาวะเกล็ดเลือดต่ำเกิดจากการใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาปรับเปลี่ยนหรือให้หยุดยาที่เป็นต้นเหตุได้
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีเลือดออกมากหรืออยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเสียเลือดมาก แพทย์อาจใช้การให้เลือดหรือเกล็ดเลือดเพื่อเพิ่มปริมาณเกล็ดเลือดในร่างกาย
หากการรักษาด้วยยายังไม่ได้ผลหรือภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่มีสาเหตุเกิดจากม้ามกักเกล็ดเลือดผิดปกติ แพทย์อาจใช้วิธีผ่าตัดม้าม ทั้งนี้การผ่าตัดม้ามอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จึงควรได้รับวัคซีนป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
ใช้ในกรณีที่ภาวะเกล็ดเลือดต่ำเกิดจากโรค TTP (Thrombotic Thrombocytopenic Purpura) เพื่อกรองเอาส่วนที่ผิดปกติออกจากเลือดและลดความเสี่ยงของลิ่มเลือดอุดตัน
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำนั้นทำให้เลือดออกง่ายขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เพื่อป้องกันอาการรุนแรงควรปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้ จะช่วยให้ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
โรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมให้บริการตรวจ วินิจฉัย และรักษาภาวะเกล็ดเลือดต่ำโดยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง มั่นใจได้ในมาตรฐานระดับสากล พร้อมโปรโมชั่นพิเศษเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้เข้ารับบริการ
โรงพยาบาลได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2008 และ Hospital Accreditation (HA) มีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางครบวงจร รองรับการรักษาโรคหลากหลายประเภท ด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ปลอดภัย และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้การดูแลอย่างมืออาชีพ นอกจากนี้ ยังมีบริการรองรับผู้ป่วยฉุกเฉิน รวมถึงสิทธิประโยชน์จากประกันสุขภาพที่ครอบคลุม ห้องพักผู้ป่วยสะอาด สงบ เหมาะสำหรับการพักฟื้น
ผู้ที่ต้องการเข้ารับการตรวจและรักษาภาวะเกล็ดเลือดต่ำ สามารถติดต่อโรงพยาบาลวิภาวดีตามที่อยู่ 51/3 ถ.งามวงศ์วาน จตุจักร กรุงเทพฯ หรือนัดหมายล่วงหน้าที่ 02-561-1111 หรือ 02-058-1111 สำหรับตัวแทนประกันชีวิต สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน LINE: @vibhainsurance
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เป็นอาการที่ไม่ควรมองข้าม โดยสังเกตได้จากการมีเลือดกำเดาไหลง่าย เลือดออกตามไรฟัน หรือจ้ำเลือดขึ้นตามร่างกายโดยไม่มีสาเหตุ ในบางกรณีอาจเกิดเลือดออกภายใน เช่น เลือดออกในสมอง ซึ่งอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นหากพบอาการเข้าข่ายภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว เพราะการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและป้องกันอันตรายต่อชีวิตได้
โรงพยาบาลวิภาวดีพร้อมดูแลสุขภาพของผู้ป่วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางและเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีคุณภาพและสร้างความประทับใจ
มาดูคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเกล็ดเลือดต่ำ พร้อมคำตอบ เพื่อให้เข้าใจและรับมือกับภาวะนี้ได้อย่างถูกต้อง
สามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 และกรดโฟเลตสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ผักใบเขียว ถั่ว และผลไม้ เป็นต้น
ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำควรระมัดระวังในการรับประทานอาหารที่ส่งผลต่อเกล็ดเลือด เช่น กระเทียม หัวหอม ขิง บลูเบอร์รี่ รวมไปถึงอาหารที่มีไขมันสูง เนื้อสัตว์แปรรูป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกาแฟ
ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำอาจต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาระดับเกล็ดเลือดให้เพียงพอ อีกทั้งต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือเลือดออกง่าย เช่น กีฬาที่มีการกระแทกรุนแรง การใช้ของมีคม เป็นต้น หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมเหล่านี้ควรสวมใส่เครื่องป้องกันไว้ด้วย
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved