มะเร็งเต้านมเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย และยังเป็นภัยเงียบที่อาจไม่แสดงอาการที่ชัดเจนในระยะแรกเริ่ม การตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ มารู้จักโรคมะเร็งเต้านมให้มากขึ้น ตั้งแต่สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง วิธีการตรวจคัดกรองโดยการคลำเต้านม ไปจนถึงแนวทางการรักษา เพื่อป้องกันและรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมั่นใจ
มะเร็งเต้านม คือความผิดปกติของเซลล์ภายในท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนม ซึ่งมีการแบ่งตัวที่ผิดปกติแบบไม่สามารถควบคุมได้ พบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย (พบได้น้อย) เต้านมนั้นประกอบไปด้วยไขมัน (Fat cells) ต่อมน้ำนม (Lobule) และท่อนํ้านม (Duct) เซลล์ต่างๆ เหล่านี้สามารถกลายพันธุ์เกิดเป็นมะเร็งได้ โดยเซลล์ที่พบบ่อยที่สุดและเกิดความผิดปกติจนทำให้เกิดมะเร็งเต้านมคือเซลล์ท่อนํ้านม ชนิดของมะเร็งที่พบน้อยก็คือมะเร็งของต่อมนํ้านม
เซลล์ที่มีการพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็งจะมีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นก้อนที่สามารถคลำเจอได้ เซลล์เหล่านี้มักแพร่กระจายผ่านทางเดินน้ำเหลืองไปยังอวัยวะใกล้เคียง เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ หรือกระจายไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลๆ เช่น กระดูก ปอด ตับ และสมอง เช่นเดียวกับมะเร็งชนิดอื่นๆ ที่ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตได้
มะเร็งเต้านมเกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในเนื้อเยื่อเต้านม ท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนม ซึ่งสามารถลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียงหรือแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่นได้ มะเร็งเต้านมที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ท่อน้ำนมพบได้มากที่สุดถึง 80% ส่วนมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต่อมน้ำนมพบได้น้อยกว่า โดยพบประมาณ 10%
แม้ในปัจจุบันสาเหตุของมะเร็งเต้านมยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่เพิ่มโอกาสการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ เช่น พันธุกรรม ฮอร์โมน พฤติกรรมการใช้ชีวิต และอายุที่เพิ่มขึ้น การตรวจคัดกรองและตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตลงได้
แม้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งเต้านมยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคนี้ได้โดยปัจจัยเสี่ยงมีดังนี้
มะเร็งเต้านมสามารถแบ่งออกเป็นหลายระยะ ตั้งแต่ระยะที่ 0 ถึงระยะที่ 4 ซึ่งแต่ละระยะบ่งบอกถึงขนาดของก้อนมะเร็ง การลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง การแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่นๆ มาดูกันว่ามะเร็งเต้านมมีกี่ระยะและมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร
มะเร็งเต้านมในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ แต่เมื่อโรคเริ่มพัฒนาอาจเริ่มมีสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติ การสังเกตอาการตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะสามารถช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาได้ทันท่วงที มาดูกันว่ามีอาการมะเร็งเต้านมใดบ้างที่สามารถสังเกตได้ และอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกของมะเร็งเต้านม
เต้านมข้างใดข้างหนึ่งมีขนาดผิดปกติ รูปร่างของเต้านมดูไม่สมดุล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง สังเกตได้ว่ามีอาการบวม หรือรู้สึกแน่นผิดปกติ เพราะขนาดเต้านมที่เปลี่ยนแปลงอาจเกิดจากการเจริญเติบโตของก้อนมะเร็งภายในเต้านม ซึ่งส่งผลต่อเนื้อเยื่อโดยรอบ
การคลำพบก้อนเนื้อแข็งผิดปกติภายในเต้านมหรือบริเวณใต้รักแร้ ซึ่งก้อนเนื้ออาจกดเจ็บหรือไม่เจ็บก็ได้
ก้อนมะเร็งมักมีลักษณะแข็งกว่าก้อนเนื้อธรรมดา มักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ผิวหนังดึงรั้ง หัวนมรั้ง มีน้ำเหลืองหรือของเหลวคล้ายเลือดไหลออก
ผิวหนังเต้านมบุ๋มลงไปคล้ายลักยิ้ม หรือหนาตัวคล้ายเปลือกส้ม อาจเป็นอาการของเซลล์มะเร็งที่ลุกลามมาถึงชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ควรรีบไปพบแพทย์
หากรู้สึกว่ามีอาการเจ็บนมทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นประจำเดือน หรือเต้านมบวมแดงอักเสบพร้อมกับพบเจอก้อนที่เต้านม ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยต่อไป
หากพบว่ามีของเหลวสีคล้ายเลือดหรือน้ำเหลืองออกมาจากหัวนมรูเดียว และไม่ได้อยู่ในช่วงให้นมบุตร อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งที่เกิดในท่อน้ำนม ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจมะเร็งเต้านมโดยละเอียด
มีผื่นแดง แสบ คัน บริเวณหัวนมหรือเต้านมเรื้อรัง ชนิดแบบที่พบแพทย์ผิวหนังแล้วก็ยังไม่หาย จนผื่นกลายเป็นแผลตกสะเก็ดแข็ง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจมะเร็งเต้านม เพราะอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ามะเร็งได้ลามมายังผิวหนังด้านบนบริเวณหัวนมหรือเต้านมแล้ว
การวินิจฉัยหรือการตรวจมะเร็งเต้านมสามารถเริ่มทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองโดยการคลำเต้านม เพื่อตรวจดูความผิดปกติของผิวหนังบริเวณเต้านมและก้อนในเต้านมหรือรักแร้ จนไปถึงการวินิจฉัยมะเร็งเต้านมโดยแพทย์ หากอายุ 30 ปีขึ้นไปควรได้รับการตรวจมะเร็งเต้านมเป็นประจำ หากพบความผิดปกติอาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจแมมโมแกรม เพื่อคัดกรองหรือตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านม วิธีนี้ทำให้แพทย์เห็นความผิดปกติได้ชัดเจน หลังจากนั้นแพทย์มักจะตรวจอัลตราซาวนด์เต้านม เพื่อตรวจดูว่ามีก้อนเนื้อหรือถุงน้ำในเต้านมหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อนำไปตรวจ หรือการทำ MRI เพื่อตรวจดูขนาด ตำแหน่ง และขอบเขตของมะเร็งอีกด้วย
แนวทางการรักษามะเร็งเต้านมขึ้นอยู่กับระยะของโรค ชนิดของมะเร็ง และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย การรักษามีหลายจึงมีหลายวิธี ซึ่งอาจใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง หรือใช้ร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด โดยมีเป้าหมายหลักคือการกำจัดเซลล์มะเร็ง ลดโอกาสการแพร่กระจาย และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย มะเร็งเต้านมรู้เร็วรักษาได้ แนวทางการรักษามะเร็งเต้านมมีดังต่อไปนี้
การรักษามะเร็งเต้านมโดยการผ่าตัดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ การผ่าตัดบริเวณเต้านม และการผ่าตัดก้อนน้ำเหลืองที่รักแร้ ซึ่งนับเป็นวิธีการรักษาหลักของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรก การผ่าตัดบริเวณเต้านมจะเป็นการตัดเต้านมออกทั้งเต้า หรือตัดเต้านมออกเป็นบางส่วน (คงเหลือหัวนม ฐานหัวนม และส่วนใหญ่ของเนื้อเต้านม) วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่มีมะเร็งเพียงตำแหน่งเดียวและมีขนาดเล็ก
การผ่าตัดก้อนน้ำเหลืองที่รักแร้แบ่งออกได้ 2 แบบ คือการผ่าตัดก้อนน้ำเหลืองที่รักแร้ทั้งหมดและการผ่าตัดก้อนน้ำเหลืองที่รักแร้บางส่วนโดยการฉีดสีเซนติเนล ใช้ในกรณีที่มะเร็งยังไม่ลามไปต่อมน้ำเหลือง
การรักษามะเร็งเต้านมด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) เป็นการยับยั้ง ลดขนาด ทำลายเซลล์มะเร็งไม่ให้มีการเจริญเติบโตหรือลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ แต่ผลข้างเคียงคือยาเคมีบำบัดส่งผลต่อเซลล์ปกติของร่างกายด้วย ซึ่งเกิดเพียงชั่วคราวเมื่อหยุดยาก็จะกลับมาเป็นปกติ
การรักษามะเร็งเต้านมด้วยเคมีบำบัดมักใช้ร่วมกับการรักษาอื่น เช่น การผ่าตัด รังสีรักษา หรือฮอร์โมนบำบัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากยิ่งขึ้น เคมีบำบัดยังเป็นการรักษาที่ใช้เวลาไม่นานในแต่ละครั้ง คนไข้สามารถทำเคมีบำบัดและกลับบ้านได้ เคมีบำบัดมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น คลื่นไส้ ผมร่วง อ่อนเพลีย ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือในบางรายอาจไม่มีอาการข้างเคียงเลยก็ได้
รักษาโรคมะเร็งเต้านมโดยการฉายแสง (Radiation Therapy) การฉายแสงเป็นการใช้พลังงานรังสีสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง หยุดยั้งการเจริญเติบโตและการแบ่งเซลล์มะเร็ง การรักษามะเร็งเต้านมด้วยการฉายแสงมักทำร่วมกับการผ่าตัด
การฉายแสงจะยังคงทำให้เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ทำงานได้ปกติเนื่องจากเซลล์มะเร็งมีการแบ่งตัวเร็วจึงถูกทำลายออกไปมาก ในขณะที่เซลล์ดีก็ยังมีการซ่อมแซมตัวเองและสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ การฉายแสงใช้เวลาสั้นๆ เพียง 3 - 5 นาที ประมาณ 3 - 6 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 วัน และให้มีวันพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
การรักษามะเร็งเต้านมโดยยาต้านฮอร์โมน (Hormone Therapy) เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีสาเหตุมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือโปรเจสเตอโรนที่เรียกว่า ER+ (Estrogen Receptor Positive) และ PR+ (Progesterone Receptor Positive) หากแพทย์ได้ทำการตรวจและพบว่ามะเร็งมีตัวรับฮอร์โมนก็จะให้ใช้ยาต้านฮอร์โมนเป็นระยะเวลา 5 - 10 ปี ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
ยาต้านฮอร์โมนแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มดังนี้
รักษาโรคมะเร็งเต้านมโดยยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะ หรือการรักษามะเร็งเต้านมโดยการใช้ยาแบบพุ่งเป้า (Targeted therapy) เป็นแนวทางการรักษามะเร็งเต้านมที่มุ่งเป้าไปที่โมเลกุลหรือโปรตีนจำเพาะ (HER2) ทำให้มะเร็งเติบโตช้าลงหรือถูกทำลาย ทำให้เซลล์มะเร็งตายโดยตรง กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติ แต่มีข้อจำกัดคือใช้ได้กับผู้ป่วยบางรายเท่านั้น
การคลำนมเป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน เป็นวิธีการสังเกตตรวจมะเร็งเต้านมเบื้องต้น โดยสามารถทำได้ดังนี้
การดูแลตัวเองระหว่างการรักษามะเร็งเต้านมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจรับมือกับผลข้างเคียงและเพิ่มคุณภาพชีวิต เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งเต้านมผู้ป่วยควรหาข้อมูลความรู้ความเข้าใจของโรค การรักษาแบบต่างๆ เข้ารับการตรวจติดตามกับแพทย์เป็นประจำ พร้อมทั้งพบนักจิตวิทยาเพื่อพูดคุย ระบายความรู้สึก ความเครียด พร้อมพูดคุยกับคนในครอบครัว และเพื่อนๆ
นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและน้ำตาลสูง ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ
มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ แม้ว่าไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่การดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคได้ มาดูกันว่ามีวิธีใดบ้างที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม
โรงพยาบาลวิภาวดีให้ความสำคัญกับสุขภาพคนไทย พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัย ให้คำปรึกษา และรักษาโรคด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางมีประสบการณ์
โรงพยาบาลวิภาวดีตรวจ วินิจฉัย ให้คำปรึกษาโรคที่เกี่ยวกับเต้านม มะเร็งเต้านมด้วยเครื่อง Digital Mammogram โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมจากต่างประเทศ สามารถตรวจชิ้นเนื้อเพื่อหามะเร็ง พร้อมบริการการรักษาต่อเนื่องหลังการผ่าตัด เช่น การให้ยาเคมีบำบัด การรักษาด้วยฮอร์โมน การรักษาทางรังสี
สามารถติดต่อได้ที่แผนกศัลยกรรม คลินิกศัลยกรรมเต้านม โรงพยาบาลวิภาวดีเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00 - 20.00 น. ชั้น G อาคาร 4 โทร. 02-561-1111, 02-058-1111 ต่อ 4142-3
หรือสามารถเข้ามาติดต่อสอบถาม รักษาโรคได้ที่โรงพยาบาลวิภาวดี ที่อยู่ 51/3 ถ.งามวงศ์วาน จตุจักร กรุงเทพฯ หรือโทรเพื่อนัดหมายก่อนเข้ารับการรักษาได้ที่เบอร์ 02-561-1111 หรือ 02-058-1111 และสำหรับตัวแทนประกันชีวิต สามารถติดต่อผ่าน LINE: @vibhainsurance
มะเร็งเต้านมเป็นโรคร้ายที่พบได้บ่อยและมักไม่มีสัญญาณเตือนในระยะแรก สามารถสังเกตอาการได้ เช่น การคลำพบก้อนเนื้อที่เต้านมหรือรักแร้ การเปลี่ยนแปลงของขนาดเต้านม และการมีของเหลวผิดปกติไหลจากหัวนม
มะเร็งเต้านมหากพบเร็วสามารถรักษาให้หายได้ แนวทางการรักษามีหลายวิธี เช่น การผ่าตัด เคมีบำบัด ฉายแสง และยาต้านฮอร์โมน ส่วนการป้องกันมะเร็งเต้านม ทำได้โดยการควบคุมน้ำหนัก รับประทานอาหารที่ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงอาหารที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง เพื่อลดความเสี่ยงของโรคและส่งเสริมสุขภาพที่ดีในระยะยาว
โรงพยาบาลวิภาวดีมีบริการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยเครื่อง Digital Mammogram โดยทีมแพทย์มีประสบการณ์ที่ได้รับการอบรมจากต่างประเทศ สามารถให้คำแนะนำและการรักษาได้อย่างตรงจุด พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย ครบครัน การรักษาที่ได้มาตรฐาน ใส่ใจในทุกขั้นตอน
รวบรวมคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำตอบเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านมนั้นไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด แต่ก็มีบางปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการเกิดมะเร็งเต้านมได้ เช่น อายุ เพศ ฮอร์โมนเอสโตรเจน มีประจำเดือนก่อนอายุ 12 ปี หมดประจำเดือนช้า หรือกรรมพันธุ์
การคลำเจอก้อนตรงเต้านมแต่บีบแล้วไม่เจ็บ ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่ ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจโดยละเอียด
มะเร็งเต้านมมักไม่ปรากฏอาการเมื่อเป็นในระยะแรกๆ การไปตรวจเมื่อพบอาการผิดปกติอาจช้าเกินไป จึงควรหมั่นตรวจสุขภาพ และพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสการรักษาให้หายเป็นปกติได้
อาการคันยุบยิบหัวนมเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น คันจากอาการการแพ้ การติดเชื้อ หรือมะเร็ง หากพบว่าอาการคันไม่หายไปเมื่อรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง ทั้งยังมีแผลและสีหัวนมผิดไปจากเดิม ควรพบแพทย์
การผ่าตัดเป็นขั้นตอนการรักษามะเร็งเต้านมที่จำเป็น เพราะเป็นการเอาเซลล์มะเร็งออกให้ได้มากที่สุด ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้มีการทำเคมีบำบัดหรือฮอร์โมนบำบัดก่อนการผ่าตัด หรือผ่าตัดเลยก็ได้
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved