ศูนย์ผิวหนัง รพ.วิภาวดี เป็นการรักษาโรคทางผิวหนังและการดูแลผิวพรรณให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 - 20.00 น. บริเวณชั้น G อาคาร Tower B
Diamond – peel Microdermabrasion โดยเครื่อง Pristine เป็นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่มีความปลอดภัยไม่มีบาดแผลขัดผิวอย่างนุ่มนวล กระตุ้นการสร้างผิวใหม่ โดยใช้หัวทิปชนิดพิเศษที่เรียกว่า Laser – cut Diamond –tip มีให้เลือกใช้ถึง 10 แบบ ทำงานประสานกันกับระบบดูดแบบสูญญากาศ (Vacuum) โดยสามารถเลือกหัว Diamond –tip และระดับแรงดูดสูญญากาศให้เหมาะสมกับสภาพผิวของผู้เข้ารับการรักษา
ผู้ที่เหมาะสมต่อการเข้ารับการรักษา
เครื่อง Pristine สามารถให้การรักษาได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาพผิว งดเว้นในผู้ที่มีอาการผิวแห้ง ลอก หรือมีการอักเสบของผิว
บริเวณที่ทำการรักษาได้
เครื่อง Pristine มี Diamond Tips หลากหลายขนาดให้เลือกใช้สามารถทำการรักษาได้ครอบคลุม อีกทั้งสามารถทำการรักษาได้ในผู้ที่มีผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ผิวไม่เรียบเนียน หรือบริเวณที่เข้าถึงยาก เช่น รอบดวงตา เป็นต้น
ต้องเข้ารับการรักษาบ่อยแค่ไหน
สามารถเห็นผลการรักษาได้ทันทีหลังการรักษาในครั้งแรกแนะนำให้ทำการรักษา 6 – 8 ครั้ง ห่างกันทุก 2 สัปดาห์
ความรู้สึกระหว่างรับการรักษาด้วยเครื่อง Pristine
ขณะทำการรักษารู้สึกได้ถึงแรงดูดสูญญากาศที่เคลื่อนบนผิวอย่างนุ่มนวล ไม่เจ็บ ระยะเวลาในการทำการรักษาขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ทำการรักษา หากทำการรักษาทั่วหน้าใช้ระยะเวลาประมาณ 10 – 15 นาที
การรักษาด้วยเครื่อง Pristine มีความปลอดภัยหรือไม่
เครื่อง Pristine มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่มี Downtime คุณสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับการรักษาด้วยเครื่องPristine
การดูแลหลังรับการรักษาด้วยเครื่อง Pristine
หลังทำการรักษาจะเห็นผิวบริเวณที่ทำการรักษามีสีชมพูระเรื่อผิวหน้าอาจแห้งลง 1 – 2 วัน ควรเน้นทาครีมที่ให้ความชุ่มชื้นและครีมกันแดดหลังทำการรักษา
Phonophoresis
หลักการ Phono คือการใช้คลื่นที่มีความถี่สูง (ULTRASONIC) เพื่อใช้ในการผลักตัวยาหรือวิตามินต่างๆ สู่ชั้นผิว ช่วยให้ใบหน้าขาวใส ฟื้นฟูสภาพผิวรวมถึงริ้วรอยดำคล้ำรอบดวงตา
ประโยชน์ของการทำ Phono
จำนวนครั้งที่ใช้ในการรักษา
ขั้นตอนการรักษา
Microdermabrasion ( NON-Invasive rejuvenation) MD. นวัตกรรมเพื่อผิวหน้าสวยใส ผิวกายเรียบเนียน
หลักการทำงาน
Iontophoresis สร้างผิวใหม่ขาวใสด้วย Ionto
หลักการทำงาน
คือ การใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณต่ำๆ ผลักตัวยาเข้าสู่ผิวหนัง โดยอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยในการรักษา ฝ้า กระ รอยดำ หลังภาวะการอักเสบต่างๆ และแผลเป็นบางชนิดให้จางลง โดยแพทย์จะเลือกสารละลายวิตามินที่เหมาะสม ได้แก่
ประโยชน์ของ Ionto
วิธีการ/ขั้นตอนในการรักษา
การดูแลหลังการรักษา
การดูแลหลังทำการรักษา AHA
บอกลาผิวหย่อนคล้อย เพื่อผิวตึงกระชับด้วยเครื่อง STOP ด้วยคลื่น RF (Radio Frequency) ซึ่งจะสะสมพลังงานความร้อนสู่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้น เส้นใยคอลลาเจน ให้หดรัดตัวแน่นขึ้น เพื่อผิวตึงกระชับและบอกลาริ้วรอย ในระระยาว
การฉีดฟิวเลอร์ ( filler)
เพื่อเติมเต็มผิวและคงความอ่อนเยาว์ ให้กับใบหน้า สร้างความมั่นใจให้กับคุณอีกครั้ง
การฉีดเพื่อลดรอยย่น ริ้วรอย รอยตีนกา Botox
ฟื้นฟูผิวใบหน้าอ่อนเยาว์ ยกกระชับใบหน้าและกำจัดขนด้วย Gentle YAG Laser
เพื่อผิวหน้าอ่อนเยาว์ ยกกระชับและลดริ้วรอย โดยไม่ใช้วิธีผ่าตัด ด้วย E- Max Laser
ปรนนิบัติผิวด้วย Laser ที่ปลอดภัยด้วย Super VPL
Laser Q-Switehed Nd YAG เพื่อผิวหน้าเรียบสวย รูขุมขน เรียบเนียน ลดรอยสัก - ปานดำ รอยคล้ำใต้ตา รวมถึง ฝ้า กระลึกๆ ได้อย่างปลอดภัย
Power Deep
เครื่องมือที่ช่วยผลักวิตามิน และยา เพื่อบำรุงแบบลงลึกสู่เซลล์ผิว นวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
คุณสมบัติ
Pristine by viora
เครื่อง Pristine ใช้เทคโนโลยีการผลัดเซลล์ผิวที่เรียกว่า Diamond-peel Microdermabrasion โดยใช้ Laser-cut Diamond-tip ร่วมกับการใช้ระบบดูดแบบสูญญากาศ ( Vacuum) ทำให้สามารถผลัดเซลล์ผิว ชั้นหนังกำพร้าและสิ่งอุดตันออกได้อย่างมีประสิทธิภาพและนุ่มนวลกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน (Collagen ) อีลาสติน (Elastin) อีกทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด หลังเข้ารับการรักษาเพียงครั้งแรกสัมผัสได้ถึงผิวที่สดชื่น สะอาด แลดูอ่อนเยาว์
ผู้ที่เหมาะสมต่อการเข้ารับการรักษา
เครื่อง Pristine สามารถให้การรักษาได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาพผิว งดเว้นในผู้ที่มีอาการผิวแห้ง ลอก หรือมีการอักเสบผิว
บริเวณที่ทำการรักษาได้
เครื่องPristine มี Diamond Tips หลากหลายขนาดให้เลือกใช้ สามารถทำการรักษาได้ครอบคลุม อีกทั้งสามารถทำการรักษาได้ในผู้ที่มีผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ผิวไม่เรียบเนียน หรือบริเวณที่เข้าถึงยาก เช่น รอบดวงตา เป็นต้น
ต้องเข้ารับการรักษาบ่อยแค่ไหน
สามารถเห็นผลการรักษาได้ทันทีหลังการรักษาในครั้งแรกแนะนำให้ทำการรักษา 6-8 ครั้ง ห่างกันทุก 2 สัปดาห์
การฉายแสงอาทิตย์เทียมอัลตร้าไวโอเลตบี (UVB Phototherapy)
การฉายแสงอาทิตย์เทียมด้วยรังสีอัลตร้าไวโอเลตบี คือ อะไร?
Excimer เป็นส่วนหนึ่งของแสงอาทิตย์อยู่ในรังสียูวีบีที่มีความยาวคลื่น 308 นาโนเมตร ซึ่งให้ประสิทธิภาพในการรักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด ได้แก่
โรคสะเก็ดเงิน เป็นการอักเสบเรื้อรังของผิวหนัง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคนที่เป็น โดยอาการจะเป็นปื้นนูนแดงปกคลุมด้วยสะเก็ดสีเทาเงิน มักพบบริเวณ ข้อศอก เข่า หนังศรีษะ ซึ่งการรักษาจะเริ่มตั้งแต่ทายา
หากไม่ดีขึ้นต้องใช้การฉายแสงอาทิตย์เทียมอัลตร้าไวโอเลตบี รวมถึงโรคด่างขาว โรคผิวหนังผื่นแพ้อักเสบเรื้อรัง ก็ใช้วิธีการรักษาด้วยการฉายแสงอาทิตย์เทียมนี้ด้วย
เครื่อง Excimer 308 เหมาะกับผู้ป่วยแบบไหน?
1.เป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยในกรณีที่รักษาด้วยยาแล้วไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
2.ผู้ป่วยที่มีรอยโรคทุกบริเวณ รวมถึงบริเวณที่เข้าถึงยากและบริเวณเล็กๆ เช่น ไรผม ข้อพับ ริมฝีปาก หนังศีรษะ
3.ผู้ป่วยที่มีรอยโรคไม่เกิน 20% ทั่วทั้งร่างกาย
4. มีความปลอดภัยสูง อาการข้างเคียงน้อย สามารถใช้ในการรักษาได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
การรักษาด้วยการฉายแสง มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?
1. ผู้ป่วยตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
2. ผู้ป่วย SLE, HIV
3. ภาวะด่างขาวจากโรค Hyperthyroidism
4. ผู้ป่วยที่ใส่เครื่อง Pacemaker
5. ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาที่มีความไวต่อแสง
6. มีประวัติเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
ขั้นตอนการรักษาด้วยเครื่อง Excimer 308
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา
1. ทำความสะอาดผิวหนังในบริเวณที่จะรับการรักษาหรือทำ MED Test (Minimal Erythema Dose)
2. สำหรับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินสามารถทา Salicylic acid ในช่วงกลางคืนก่อนวันที่เข้ารับการรักษาได้
3. แนะนำให้ทำการทดสอบแสง (MED Test) เพื่อหาระดับพลังงานที่เหมาะสมในการรักษา โดยจะทดสอบที่บริเวณท้องแขนหรือหลัง แพทย์จะอ่านผลภายใน 24 ชั่วโมงภายหลังจากการทดสอบ
**ผู้ป่วยโรคด่างขาวและศีรษะล้านเป็นหย่อมๆ สามารถทำการรักษาได้ทันทีโดยไม่ต้องทดสอบ MED Test
4. งดการทาผลิตภัณฑ์ประเภท Oil , ครีมกันแดด ก่อนเข้ารับการรักษา
ขณะได้รับการรักษา
1.ผู้ป่วยควรเปลี่ยนชุด หรือ เปิดเสื้อผ้าบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อให้บริเวณรอยโรคได้รับแสง
2. ขณะทำการรักษา ควรอยู่นิ่งๆ ไม่เล่นโทรศัพท์หรือพูดคุยโทรศัพท์
3. ควรสวมใส่แว่นตาเพื่อป้องกันรังสียูวีบี ทั้งผู้ป่วยและแพทย์ผู้ทำการรักษา ในกรณีที่มีรอยโรครอบดวงตา ให้ผู้ป่วยหลับตาตลอดทั้งการรักษา
การดูแลปฏิบัติตัวภายหลังได้รับการรักษา
1.หากเกิดอาการคัน ผู้ป่วยไม่ควรแกะเกาในบริเวณที่ได้รับการรักษา รวมถึงหลีกเลี่ยงการถูกขีดข่วนในบริเวณที่เป็นโรค
2.หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้โรคมีอาการกำเริบหรือมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้น ได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ความเครียด
3. ควรรักษาสุขอนามัยของร่างกาย อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่อ่อนๆ
4. ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
5. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ผู้ป่วยต้องมาเข้ารับการรักษานานแค่ไหน?
ในช่วงแรกผู้ป่วยต้องมาเข้ารับการรักษา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเว้นระยะห่างในแต่ละครั้ง ไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมง เมื่ออาการของรอยโรคตอบสนองต่อการฉายแสงได้ผลดี แพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และสามารถเว้นระยะห่างเป็น 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และหากรอยโรคหายแล้ว สามารถลดการฉายแสงให้เหลือสัปดาห์ละ 1 ครั้งจนกระทั่งหยุดฉายได้
ผลการรักษา เป็นอย่างไร?
ผู้ป่วยโรคด่างขาว : ขึ้นอยู่กับบริเวณและความรุนแรงของโรค โดย จำนวนครั้งในการรักษาที่เห็นผลประมาณ 20-25 ครั้ง
ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน : จะเห็นผลการรักษาประมาณ 15-20 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหนาของสะเก็ดและความรุนแรงของโรคด้วย
ผู้ป่วยโรคผื่นผิวหนังอักเสบเรื้อรัง และอื่นๆ : จะเห็นผลในการรักษาประมาณ 4-8 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคด้วย
การรักษาด้วยการฉายแสง มีผลข้างเคียงหรือไม่?
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการรักษาได้แก่ อาการคัน แสบร้อน ผิวแห้ง ลอก รวมถึงบริเวณผิวที่รักษาและผิวรอบๆ อาจมีสีเข้มขึ้นหรือดำคล้ำในระหว่างช่วงการรักษา แต่สีผิวที่เข้มขึ้นนี้จะค่อยๆ จางหายไปหลังจากหยุดการฉายแสง
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ผิวหนัง 0-2058-1111 , 0-2561-1111 ต่อ 1123-24 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 20.00 น.