ริดสีดวงทวารเกิดจากการโตขึ้นกลุ่มของ เส้นเลือด และเนื้อเยื่อ บริเวณส่วนปลายของลำไส้ตรง ที่เรียกว่า hemorrhoidal tissue ในคนปกติจะมีริดสีดวง (hemorrhoidal tissue) ทุกคน โดยจะอยู่บริเวณ ส่วนล่างของ ทวารหนัก
เนื้อเยื่อริดสีดวงมีหน้าที่หน้าที่ปกติจะมีหน้าที่ ป้องกัน กล้ามเนื้อของทวารหนัก รวมทั้งหูรูด ระหว่าง ถ่ายอุจจาระ และช่วยให้ ทวารหนักปิดได้สนิท ในขณะที่เราอยู่เฉย
ริดสีดวง เกิดจากการโตขึ้น ของ เนื้อเยื่อ Hemorrhoid ซึ่งสาเหตุแบ่งง่ายๆ เป็น 2 อย่างคือ
ซึ่งการเพิ่มความดัน ดังกล่าวเกิดได้จาก การเบ่งอุจจาระบ่อยๆ จากท้องผูก การยกของหนัก การยืนนานๆ รวมทั้งการตั้งครรภ์ จากการที่มีเด็กอยู่ทำให้เลือดไหลกลับไม่สะดวก
จากสาเหตุดังกล่าวทำให้ กลุ่มเส้นเลือดดังกล่าวโตและ ยืดออก ซึ่งการที่มีเลือดออกนั้นเกิดจาก การที่มี การบาดเจ็บของเส้นเลือด บริเวณดังกล่าว (Local Injury) ที่เจอบ่อยๆเกิดจาก อุจจาระที่แข็งมากๆ ร่วมกับ การเบ่งนานๆ ทำให้จะมีเลือดสดๆ ไหลออกจากทวารหนัก
เราแบ่งโรคนี้ออกเป็น 2 ชนิด คือ
คือริดสีดวงที่อยู่เหนือเส้นสมมุติที่เรียกว่า dentate line (บริเวณแถวๆ รอยที่หยักๆครับ) จะมีลักษณะที่สังเกตง่ายๆ คือ
ริดสีดวงภายใน แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ
คือริดสีดวงที่อยู่ใต้เส้น Dentate line สังเกตง่ายๆคือ
อาการของโรคนี้ที่มีพบแพทย์ มี 3 อาการ
ลักษณะจะเป็นดังนี้คือ จะถ่ายอุจจาระออกมาก่อน ( ระหว่างถ่ายอาจจะเจ็บหรือไม่ก็ได้) จากนั้นจะมีเลือดสดๆ หยดออกมา ตามหลังจากอุจจาระ เลือดจะเป็นเลือดสดจริงๆ มักไม่มีมูกเลือดปน
ขณะที่เบ่งอุจจาระ จะมีก้อนยื่นออกมา หรือ มีก้อนออกมาตลอดเวลา ขึ้นกับ ระยะที่เป็น
ปกติ ริดสีดวงจะไม่เจ็บ จะเจ็บในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เส้นเลือดอุดตัน (Thrombosis) หรือ มีเนื้อเยื่อตาย (Necrosis)
ขึ้นกับระยะที่เป็น
มีบางแห่ง อาจใช้ Infrared ช่วย แต่ไม่จำเป็นครับ
การรักษาด้วยยา รวมทั้ง การปฏิบัติตัวเหมือนเดิม
อาจใช้ยางชนิดพิเศษ รัดริดสีดวงทวาร ( Rubber Band Ligation) ซึ่งได้ผลดีมาก
ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ทำได้บ่อยๆ ภาวะแทรกซ้อนต่ำ
ต้องผ่าตัดครับ
นั่นคือ จะเห็นว่า ถ้าเป็นไม่มากจริงๆ ไม่ต้องผ่าตัดครับ สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้
จริงๆ แล้วโรคริดสีดวงไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลย อย่างมากก็เจ็บ เลือดออกส่วนใหญ่มักจะไม่มาก แต่ที่มากๆ จน Shock ก็มีครับ แต่ที่น่าจะระวังมากกว่านั้นคือ เราอาจไม่ได้เป็นริดสีดวงก็ได้
อาการถ่ายเป็นเลือดสดนั้น อาจเกิดได้จากหลายอย่าง เช่น โรคแผลที่ทวารหนัก (Anal fissure) ฯลฯ แต่ที่น่ากลัวกว่า คือ เนื้องอก หรือมะเร็ง บริเวณ ลำไส้ตรง หรือ ทวารหนัก ซึ่งจะมีอาการ ถ่ายเป็นเลือด เหมือนกัน
ซึ่งสามารถให้การวินิจฉัยได้ด้วยการตรวจร่างกายธรรมดาเท่านั้น การรักษานั้น คนละเรื่องครับ ดังนั้น ถ้ามีอาการถ่ายเป็นเลือด ไม่ควรรักษาตัวเอง ควรมาพบแพทย์ครับ
อาการของโรคริดสีดวงทวารหนัก มีดังนี้คือ อาการปวดมีเลือดออกและมีมูกบริเวณทวารหนัก ซึ่งมีหลักปฏิบัติง่าย ๆ 10 ประการจะช่วยหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้อาการของโรคริดสีดวงทวารหนักรุนแรงขึ้น
ริดสีดวงเกิดเพราะการที่ตั้งครรภ์มีเด็กในท้อง ซึ่งในบางท่าทางเด็กจะไปกดหลอดเลือดในช่องท้อง ขัดขวาง ทำให้การไหลกลับไม่สะดวก ของเลือดในทิศทางปกติ
นั่นคือ เลือดจะย้อนไปอีกระบบนึง ซึ่งทางติดต่อของระบบนั้น หนึ่งในนั้นคือริดสีดวง คือ เส้นเลือดบริเวณที่ปากทวารนี่แหละครับ ทำให้ มันโต โป่งมากกว่า ปกติ ซึ่งจะเป็นมากขึ้น เมื่อท้องแก่ขึ้น
นอกจาก ริดสีดวงแล้ว ผลจากการที่หลอดเลือดดำใหญ่ โดนกด ไหลไม่สะดวกคือ เส้นเลือดขอดที่ขาครับ
หลังคลอดแล้วมักหาย แต่อาจเหลือร่องรอย เช่น ติ่งเนื้อได้ครับ ซึ่งไม่ต้องทำอะไร ถ้าไม่มีอาการอื่นครับ
นพ.ธเนศ พัวพรพงษ์
แผนกศัลยกรรม
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved