เป็นอาการเวียนศีรษะประเภทหนึ่งที่มักเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวหมุนไป ทั้งๆ ที่จริงแล้วตนเองอยู่กับที่และไม่มีการเคลื่อนไหว หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า "อาการบ้านหมุน"
สาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เกิดอาการบ้านหมุนที่พบได้บ่อย คือ
1.โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (BPPV benign paroxysmal positional vertigo)
เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการเวียนศีรษะ เกิดจากหินปูนขนาดเล็กหลุดไปอุดผิดที่ในท่อครึ่งวงกลม จึงทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะเวลาก้มตัวลงนอนหรือจากท่านอนลุกขึ้นนั่ง หรือการก้มแล้วเงย ส่วนใหญ่อาการเป็นไม่ถึงนาทีแล้วหายและเป็นซ้ำเวลาเปลี่ยนท่าทางอีก
2.โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
พบในผู้สูงอายุ มากกว่า 45 ปี ร่วมกับมีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (ความดันโลหิตสูง,เบาหวาน,ไขมันในเลือดสูง) โดยอาการเวียนศีรษะมักเป็นอยู่นาน อาจนานหลายชั่วโมงหรือเป็นวันก็ได้ อาการเวียนศีรษะไม่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนท่าทาง และมักพบร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆของระบบประสาท เช่น ตามองเห็นภาพซ้อน,หน้าเบี้ยว,พูดไม่ชัด,ลิ้นแข็ง,อ่อนแรง หรือชาครึ่งซีก) เนื่องจากอัตราการทุพลภาพและอัตราการตายสูงจึงควรรีบพบแพทย์
3.โรคเวียนศีรษะจากน้ำในหูชั้นในผิดปกติ (Meniere’s disease)
อาการเวียนศีรษะเป็นพักๆนานหลายนาทีจนถึงเป็นชั่วโมงมักมีเสียงดังในหูข้างใดข้างหนึ่ง (บางรายเป็นทั้ง 2 ข้าง) ต่อมาอาจมีปัญหาการได้ยินลดลง สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด บางรายพบร่วมกับการติดเชื้อในหูชั้นกลาง การรับประทานเค็มมากกระตุ้นให้อาการเป็นมากได้
4.เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ (Vestibular neuritis)
อาการเวียนศีรษะมักนานเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันๆ อาจมีได้แต่ต้องไม่มีปัญหาการได้ยินหรือเสียงดังในหู เชื่อว่าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสโดยตรงต่อเส้นประสาทหรือเป็นจากการแพ้ภูมิตัวเองพบในคนอายุน้อย เพศหญิงพบได้บ่อยกว่าเพศชาย โรคนี้ทำให้ปวดศีรษะเป็นๆหายๆ ได้
5.โรคไมเกรน (Migraine)
บางรายมีอาการเวียนศีรษะร่วมด้วย บางรายมีอาการเวียนศีรษะอย่างเดียวเป็นๆหายๆ โดยไม่มีอาการปวดศีรษะก็ได้ ปัจจัยกระตุ้นเช่น อาหาร,การดื่มกาแฟปริมาณมากหรือหยุดดื่ม,แสงจ้า,กลิ่นฉุน,การมีประจำเดือน
อาการบ้านหมุนเวียนศีรษะที่ต้องปรึกษาแพทย์
การตรวจวินิจฉัยอาการบ้านหมุนเวียนศีรษะ
การดูแลและปฏิบัติตัวเบื้องต้น ในผู้ที่มีอาการบ้านหมุนเวียนศีรษะ
1. หลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะระหว่างเกิดอาการ เช่น
2. ไม่ควรอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การขับขี่ยานพาหนะในขณะที่มีอาการ
3. รับประทานยาลดอาการเวียนศีรษะ เช่น Betahistine , Dimenhydrinate เป็นต้น
4. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ, ความเครียด, กลิ่นฉุน, สารก่อภูมิแพ้
5. ลดปริมาณหรืองดการสูบบุหรี่/ดื่มกาแฟ
6. ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบมาพบแพทย์
นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบาย คุกกี้
Copyright © Vibhavadi Hospital. All right reserved